ปัจจุบัน หน้าตาการแข่งขันของตลาดรถยนต์ในประเทศของไทยเปลี่ยนแปลงไปพอควร โดยเฉพาะในตลาดรถยนต์ BEV หลังไทยพยายามเปิดรับการลงทุนเพื่อรักษาอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ให้ยังอยู่ในประเทศให้ได้มากที่สุด ด้วยการเร่งให้แรงสนับสนุนต่างๆ นับตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2568 ซึ่งผลก็คือ ค่ายรถที่มีรถยนต์ BEV พร้อมทำตลาดก่อน เช่น จีนหรือไทยที่จับพันธมิตรกับจีน ต่างก็เร่งลุยทำตลาด BEV ทันทีเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดก่อน เช่นเดียวกับค่ายรถตะวันตกที่ก็เตรียมตัวจะก้าวเข้ามาลุยตลาดด้วย ส่วนค่ายรถญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าตลาดเดิมแม้จะยังเน้นสร้างยอดขายจากรถยนต์ไฮบริดเพื่อสร้างรายได้จากกลุ่มผู้ซื้อรถส่วนใหญ่ที่ยังกังวลต่อการใช้รถยนต์ BEV แต่ก็พร้อมหาจังหวะเหมาะเพื่อก้าวเข้าสู่ตลาด BEV ในอนาคต
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ด้วยกลยุทธ์ที่แตกต่างนี้ แม้ส่งผลให้ในระยะสั้นส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ BEV อาจเป็นของผู้เล่นที่มีความพร้อมที่จะนำเสนอรถยนต์ BEV ออกมาได้ก่อน เช่น ค่ายจีนหรือไทยที่จับมือกับพันธมิตรจีน แต่ในระยะยาว ส่วนแบ่งตลาดที่เห็นอาจเปลี่ยนไปได้ เพราะตลาดรถยนต์ BEV ของไทยและโลกยังเป็นตลาดใหม่ อีกทั้งการพัฒนาเทคโนโลยี BEV ก็มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและอาจพัฒนาไปได้อีกมากอย่างไม่หยุดนิ่ง นอกจากนี้ ผู้ซื้อรถในไทยยังพิจารณาปัจจัยอีกหลายด้านก่อนซื้อ เช่น การบริการหลังการขาย ความพร้อมอะไหล่ ราคาจำหน่ายในตลาดมือสอง เป็นต้น ซึ่งในระยะยาว ค่ายรถที่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องเหล่านี้ได้ดีกว่าก็มีโอกาสจะได้ส่วนแบ่งมากกว่าค่ายอื่น อย่างไรก็ดี เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ BEV ก่อนในตลาดรถเช่าระยะยาว หลังองค์กรต่างๆกำลังปรับเข้าสู่โหมด Carbon Neutral
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น