การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา มีส่วนหนุนความต้องการชิปโลกให้เร่งตัวสูงขึ้น จากการก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งแก่องค์กรธุรกิจและผู้บริโภคให้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้งานในธุรกิจและชีวิตประจำวันมากขึ้น รวมทั้งยังมีส่วนช่วยเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยี 5G และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ นอกจากนี้ อุปสงค์ชิปก็ยังได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของตลาดรถยนต์โลกจากผลกระทบโควิดที่เร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ภายใต้ภาวะการณ์ดังกล่าว ได้ส่งผลดีต่อธุรกิจบริการเข้าแพ็กเกจชิปหรือ OSAT (Outsourced Semiconductor Assembly and Test) เนื่องจากผู้ผลิตเวเฟอร์มักจะเอาท์ซอร์ซการประกอบและทดสอบชิปให้กับผู้ประกอบการ OSAT เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ รวมถึงลดการลงทุนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการเข้าแพ็กเกจชิป
ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็มีธุรกิจบริการ OSAT รองรับแนวทางการดำเนินธุรกิจผลิตชิปดังกล่าวเช่นกัน และครองส่วนแบ่งมูลค่าในตลาดโลกราวร้อยละ 7.5 อยู่ในอันดับที่ 12 ของโลกในปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจ OSAT ไทยก็ได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มการขยายตัวของความต้องการชิปในตลาดโลกดังกล่าว ทั้งนี้ ในปี 2564 ภายใต้ทิศทางเศรษฐกิจโลกที่เริ่มทยอยปรับตัวดีขึ้น ปัจจัยด้านกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยี 5G และอุปสงค์ที่เริ่มฟื้นตัวของตลาดรถยนต์โลก น่าจะเป็นแรงหนุนหลักในการหนุนมูลค่าตลาด OSAT ไทยโดยรวมให้ขยายตัวราวร้อยละ 5.2 หรือมีมูลค่าประมาณ 2,478 ล้านดอลลาร์ฯ จากที่ขยายตัวราวร้อยละ 2.8 ในปีก่อนหน้า ด้วยมูลค่า 2,356 ล้านดอลลาร์ฯ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น