ภายหลังการพิจารณากว่า 1 ปี สุดท้ายสหรัฐฯตัดสินให้ยางล้อรถยนต์นั่งและรถบรรทุกเล็กที่ส่งออกจากไทยไปต้องถูกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) ดันให้ราคายางล้อกลุ่มนี้จากไทยในสหรัฐฯปรับสูงขึ้น ซึ่งแม้จะยังไม่กระทบกับมูลค่าการส่งออกยางล้อรถยนต์โดยรวมของไทยที่ไปยังสหรัฐฯในปี 2564 นี้นัก เนื่องจากการส่งออกยางล้อประเภทอื่นที่ไม่โดน AD เช่น ยางล้อรถบรรทุกใหญ่ยังขยายตัวได้ดีมาก ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่ามูลค่าส่งออกยางล้อโดยรวมของไทยที่ไปยังสหรัฐฯในปีนี้ยังมีโอกาสขยายตัวไม่ต่ำกว่า 2.6%(YoY) แต่ในระยะข้างหน้าอากร AD ที่ถูกเรียกเก็บนี้อาจมีผลต่อการลงทุนอุตสาหกรรมยางล้อในอนาคตและส่งผลต่อการส่งออกไปยังสหรัฐฯได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกลุ่มยางล้อสำหรับตลาด REM
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ยางล้อรองรับตลาด REM ของแบรนด์หลักสัญชาติญี่ปุ่นและตะวันตกอาจลงทุนเพิ่มในไทยอย่างจำกัดในอนาคต เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะไปลงทุนเพิ่มในสหรัฐฯหรือประเทศในกลุ่ม USMCA เพิ่มขึ้น แต่ยางล้อแบรนด์รองสัญชาติจีนที่ลงทุนอยู่แล้วในไทยมีโอกาสลงทุนเพิ่มและกระจายการส่งออกไปยังตลาดอื่นนอกเหนือจากสหรัฐฯมากขึ้น เพื่อเร่งสร้างโอกาสให้เกิด Economies of Scale เร็วยิ่งขึ้น ขณะที่ยางล้อจากจีนแบรนด์ใหม่อาจมีตัวเลือกในการพิจารณาลงทุนมากขึ้น เช่น เวียดนามหรืออินโดนีเซีย
ด้านตลาดยางล้อ OEM ที่แม้จะมีสัดส่วนเพียงไม่ถึง 10% ของปริมาณการผลิตยางล้อทั้งประเทศ แต่ในอนาคตยางล้อแบรนด์หลักยอดนิยมซึ่งมีเป้าหมายทำตลาด OEM ในไทยเป็นหลัก ก็ยังมีโอกาสลงทุนเพิ่มเพื่อรองรับกับการผลิตรถยนต์ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องในไทย โดยเฉพาะเมื่อไทยจะกลายมาเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของภูมิภาคเพื่อส่งออก แม้ลักษณะการลงทุนอาจเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับอนาคตข้างหน้า เพื่อลดระดับผลกระทบจาก AD การเน้นปรับลดต้นทุนด้วยการหันมาใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้นในกระบวนการผลิตอาจเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้น นอกจากนี้การมองไปสู่ตลาดเป้าหมายใหม่ในอนาคตระยะยาวอย่างยางล้อรถยนต์ xEV อาจช่วยเปิดตลาดใหม่เพื่อสร้างโอกาสในการลงทุนและส่งออกมากขึ้น ขณะที่การเร่งเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศที่เป็นตลาดหลักยางล้อรถยนต์ทั้งทางตรงและทางอ้อมของไทย อาจช่วยลดประเด็นปัญหาที่เกิดจากประเด็นปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่อาจกระทบการลงทุนในอนาคตอีกทาง
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น