ตลาดจักรยานยนต์ไทยในปีนี้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่กดดันกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยเฉพาะในกลุ่มฐานรากซึ่งเป็นกลุ่มผู้ซื้อหลัก ยังผลให้ตลอดทั้งปีนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่ามีโอกาสที่ยอดขายรถจักรยานยนต์ปี 2564 อาจปิดที่ราว 1.53 ล้านคัน หรือขยายตัวเพียง 1% จากปีที่แล้วเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในบรรดารถจักรยานยนต์ประเภทต่างๆ พบ 2 กลุ่มเท่านั้นที่ขยายตัวได้ดีสวนกระแสตลาด คือ จักรยานยนต์บิ๊กไบค์รุ่นขนาด 251 ถึงไม่เกิน 400 ซีซี และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ไฟฟ้านั้นกำลังกลายมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้นในปัจจุบัน หลังการสนับสนุนของภาครัฐทำให้นักลงทุนขยับการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการถือครองก็ต่ำกว่ารถจักรยานยนต์ใช้น้ำมัน
อย่างไรก็ตาม รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ทำตลาดในปัจจุบันยังเป็นเพียงกลุ่มตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ากระแสใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มธุรกิจพลังงานที่ต้องการเข้ามารุกตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อโอกาสในการสร้างรายได้จากพลังงานทางเลือกอื่นทดแทนน้ำมันที่จะลดบทบาทลงเรื่อยๆ ในอนาคต และกลุ่มผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าหรือที่ร่วมทุนกับนักลงทุนต่างประเทศซึ่งเป็นหน้าใหม่ในวงการรถจักรยานยนต์ ซึ่งสามารถสร้างส่วนแบ่งการตลาดให้กับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้เพียง 0.2% ของตลาดรถจักรยานยนต์รวมในปัจจุบันเท่านั้น ทั้งนี้ เนื่องจากยังมีจุดอ่อนสำคัญคือ ระดับราคาแบตเตอรี่ที่ยังอยู่ในระดับสูงทำให้ราคารถยังอยู่ในระดับสูง ทำให้การบุกตลาดผู้ซื้อหลักกลุ่มฐานรากอย่างเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานยังเป็นเรื่องยาก ขณะที่การชาร์จพลังงานไฟฟ้าก็ยังไม่สะดวกและตอบโจทย์ผู้ซื้อเท่าที่ควร
บผู้ประกอบการไทยที่ต้องการอาศัยจังหวะนี้รุกชิงส่วนแบ่งตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในลักษณะที่มั่นคงระยะยาว ก่อนที่ค่ายรถจักรยานยนต์กระแสหลักจะลงมาลุยตลาดในปี 2567 อาจต้องแสวงหาความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้นในการพัฒนาแพลตฟอร์มรถจักรยานยนต์เพื่อการใช้แบตเตอรี่ไฟฟ้าร่วมกัน เพื่อให้การพัฒนาแบตเตอรี่และจุดสับเปลี่ยนแบตสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุม เกิด Economies of Scale ได้ง่าย ซึ่งจะมีผลทำให้ราคารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ถูกลงได้เร็วขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และทำให้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจขึ้นสำหรับผู้บริโภคในวงกว้าง
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น