Display mode (Doesn't show in master page preview)

7 เมษายน 2565

อุตสาหกรรม

ทิศทางขาขึ้นของค่าไฟหนุนตลาดโซลาร์รูฟท็อปภาคธุรกิจ…เติบโตกว่า 54% ในปี 65 (กระแสทรรศน์ ฉบับที่ 3320)

คะแนนเฉลี่ย

​วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลช่วยยกระดับความน่าสนใจในการลงทุนโซลาร์รูฟท็อปในภาคธุรกิจเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าพร้อมทั้งตอบสนองกระแสพลังงานสะอาด แม้ว่าในปัจจุบันราคาแผงโซลาร์กำลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปัญหาด้านอุปทานวัตถุดิบในตลาดโลก

ทั้งนี้ แรงหนุนการเติบโตของตลาดโซลาร์รูฟท็อปภาคธุรกิจในปี 2565 คาดว่าจะมาจากกลุ่มธุรกิจที่มีสัดส่วนต้นทุนการดำเนินธุรกิจจากค่าไฟที่สูง ทั้งธุรกิจในภาคการผลิต ได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตซีเมนต์และเหล็ก และธุรกิจในภาคบริการ เช่น โกดังสินค้า โรงแรม ค้าปลีกอย่างห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ที่เน้นให้ความสำคัญกับการประหยัดต้นทุนและความคุ้มค่าของการลงทุนในระยะกลางถึงยาว โดยที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจเฉพาะหน้าจำกัด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2565 ตลาดโซลาร์รูฟท็อปภาคธุรกิจน่าจะขยายตัวสู่ระดับ 125.9 เมกะวัตต์ หรือเติบโตราวร้อยละ 54.2 จากปีก่อน ในขณะที่ค่าไฟที่น่าจะประหยัดได้โดยเฉลี่ยของภาคธุรกิจหากลงทุนใช้งานโซลาร์รูฟท็อปในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 2564 เนื่องจากค่าไฟเฉลี่ยของภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ซึ่งค่าไฟที่ประหยัดได้ดังกล่าวเป็นการประเมินเบื้องต้นจากภาพรวมของภาคธุรกิจ ในขณะที่ค่าไฟที่จะประหยัดได้จริงของแต่ละผู้ประกอบการจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซลาร์ ปริมาณการใช้ไฟ เงินลงทุนในการติดตั้ง งบการเงินของกิจการ เป็นต้น

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


อุตสาหกรรม