ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
สงครามการค้า
ตลอดจนค่าเงินบาทที่แข็งค่ายังเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในช่วง 8
เดือนแรกของปี 2562 ให้หดตัวที่ร้อยละ 2.2 ต่อปี มูลค่าส่งออกไทยเดือนสิงหาคม
2562 กลับมาหดตัวที่ร้อยละ 4.0 ต่อปี โดยเป็นการหดตัวลึกในสินค้าส่งออกหลัก
อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไปยังตลาดสหรัฐฯ
ยังคงขยายตัวเป็นบวกสวนทางกับภาพรวม
สะท้อนถึงผลบวกจากสงครามการค้าที่มีการส่งออกสินค้าไปยังตลาดสหรัฐฯ
เพื่อทดแทนการนำเข้าจากตลาดจีน ในขณะที่การส่งออกทองคำในเดือนส.ค.
ยังคงขยายตัวอยู่ในระดับสูงตามราคาทองคำในตลาดโลกที่สูงขึ้น
ซึ่งหากหักมูลค่าการส่งออกทองคำ การส่งออกไทยในเดือนส.ค. 62 จะหดตัวที่ร้อยละ 9.8 ต่อปี จากความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
ส่งผลให้ยังมีความต้องการทองคำในตลาดโลกในระดับสูง
โดยราคาทองคำในตลาดโลกยังมีทิศทางสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่า ในเดือนก.ย.
62 การส่งออกทองคำ ยังคงเป็นแรงหนุนต่อมูลค่าการส่งออกรวมของไทย โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า
แม้การส่งออกทองคำจะขยายตัวในระดับที่สูงต่อเนื่อง
แต่คงไม่เพียงพอที่ชดเชยผลกระทบทางลบจากปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่มีผลกระทบต่อปริมาณการค้าโลก
และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกที่มีต่อการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปี การส่งออกของไทยในปี
2562 มีแนวโน้มหดตัวเข้าหากรอบล่างของประมาณการส่งออกไทยที่ร้อยละ -2.0 ถึง 1.0 นอกจากนี้ แม้ว่าการส่งออกโดยรวมจะหดตัวลง
ดุลการค้ายังเกินดุลในระดับสูง เป็นแรงหนุนค่าเงินบาทให้แข็งค่า การเกินดุลการค้าที่ยังคงอยู่ในระดับสูงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเกินดุลการค้าจากทองคำ
โดยนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 62
ที่ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นทำให้ไทยมีการส่งออกทองคำมากกว่าการนำเข้า
ซึ่งหากหักผลของการส่งออก-นำเข้าทองคำ การเกินดุลการค้าจะหายไปราวครึ่งหนึ่ง
และในเดือนก.ค. 62 มีการขาดดุลการค้า ดังนั้น
การเกินดุลการค้าโดยรวมที่ยังอยู่ในระดับสูงเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ความต้องการสภาพคล่องเงินบาทยังมีอยู่มาก
และหนุนให้ค่าเงินบาทยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น