เศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงเพิ่มขึ้น หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลกตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ผลักดันให้การส่งออกสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำในเดือนม.ค. 2563 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 299.6 YoY ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนให้ภาพรวมการส่งออกสินค้าไทยในเดือนม.ค. 2563 กลับมาขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ที่ร้อยละ 3.35 YoY ทั้งนี้ หากหักมูลค่าการส่งออกทองคำออกแล้ว ภาพรวมการส่งออกสินค้าไทยหดตัวร้อยละ 1.45 YoY แต่นับว่าหดตัวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ที่ร้อยละ -2.95 YoY
ภาพการส่งออกสินค้าไทยในเดือนม.ค. 2563 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จากการบรรลุดีลการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ช่วยบรรเทาความอึมครึมของบรรยากาศการค้าโลก ประกอบกับฐานการส่งออกไปจีนในปีก่อนที่ต่ำจากผลกระทบของสงครามการค้า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ลดลง จึงทำให้การส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดจีนและสหรัฐฯ ในเดือนม.ค. 2563 ขยายตัวเป็นบวกที่ร้อยละ 5.2 YoY และร้อยละ 9.9 YoY ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านช่องทางการค้าและการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตกับจีน น่าจะมีผลต่อภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยมากขึ้น หลังจากที่จีนประกาศปิด 18 เมืองในช่วงปลายเดือนม.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคการผลิตของจีนหยุดชะงักลง ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน (24 ก.พ. 2563) ทางการจีนจะยกเลิกการปิดเมืองบางส่วนแล้ว แต่ภาคอุตสาหกรรมยังไม่ได้กลับมาดำเนินการผลิตเต็มอัตราดังเดิม ซึ่งมีผลต่อเนื่องมายังความต้องการสินค้าส่งออกจากไทย โดยสินค้าส่งออกขั้นกลางของไทยไปจีนมีสัดส่วนร้อยละ 45 ของการส่งออกไปจีนทั้งหมด นอกจากนี้ การปิดชายแดนขนส่งทางบกระหว่างเวียดนามกับจีน ยังส่งผลทางตรงต่อการส่งออกผลไม้สดของไทยไปยังจีนและทางอ้อมผ่านการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่ในเวียดนาม ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยในเบื้องต้นยังคงมุมมองต่อภาพการส่งออกของไทยในปี 2563 ที่กรอบประมาณการร้อยละ -2.0 ถึงร้อยละ 1.0
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น