สถานการณ์โรคระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคธุรกิจ และครัวเรือน โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักเป็นลำดับต้น ๆ คือ ธุรกิจเอสเอ็มอี มาตรการทางให้ความช่วยเหลือทางการเงินในครึ่งแรกของปี 2563 จึงมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจดังกล่าว โดยหนึ่งในมาตรการที่สำคัญ คือ มาตรการการเลื่อนชำระหนี้ ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลงประมาณเดือนต.ค 2563 จึงเกิดคำถามขึ้นในหลายภาคส่วนว่าปัจจุบันความช่วยเหลือยังจำเป็นต่อไปหรือไม่
สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง จึงทำให้อาจมีความจำเป็นที่ทางการไทยคงต้องพิจารณาต่ออายุโครงการ หรือออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม ซึ่งก็มีตัวอย่างโครงการในต่างประเทศที่น่าสนใจ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าในกรณีที่มีการต่ออายุมาตรการออกไป ระบบธนาคารพาณิชย์ไทยจะยังสามารถประคองอัตราส่วนกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงไว้ที่ประมาณ 13-14% ซึ่งถือว่ายังอยู่ในระดับสูง แต่ทางการควรต้องพิจารณาแนวทางความช่วยเหลือสถาบันการเงินควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารก้าวผ่านระยะเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น