หุ่นยนต์เก็บเกี่ยวผลไม้ นับเป็นเทคโนโลยีทางการเกษตรสมัยใหม่ (Agricultural Technology: AgriTech) ที่มีความแม่นยำสูง ตอบโจทย์ปัญหาในขั้นตอนการเก็บเกี่ยวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในด้านคุณภาพจากความแม่นยำในการคาดการณ์ความเหมาะสมของผลไม้ในการเก็บเกี่ยวเพื่อลดความสูญเสียระหว่างการเก็บเกี่ยวเมื่อเทียบกับแรงงานคน ตอบโจทย์ที่ไทยเป็นฐานการผลิตผลไม้ที่สำคัญของโลก และสอดคล้องไปกับความต้องการผลไม้ในตลาดโลกที่มีรองรับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ภาพรวมการส่งออกผลไม้ทั้งหมดของไทยในปี 2563 น่าจะสามารถประคองการเติบโตต่อไปได้อยู่ที่ราว 120,000-125,000 ล้านบาท หรือขยายตัวร้อยละ 6.1-10.5 (YoY)
ดังนั้น ไทยควรนำหุ่นยนต์เก็บเกี่ยวผลไม้มาใช้ในกลุ่มผลไม้ที่มีมูลค่าสูง (High Value) ที่เน้นคุณภาพเป็นหลักเป็นอันดับแรกก่อน ตามมาด้วยผลไม้ในกลุ่มลักษณะเหมาเข่ง ที่ไม่เน้นคุณภาพมากนัก เพราะส่วนใหญ่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมแปรรูป สำหรับในแง่ของประสิทธิภาพการใช้งานหุ่นยนต์เก็บเกี่ยวผลไม้เมื่อเทียบกับแรงงานคน ตลอดช่วงอายุการใช้งานของหุ่นยนต์เก็บเกี่ยวผลไม้ (10 ปี) ประเมินว่า การนำหุ่นยนต์เก็บเกี่ยวผลไม้เข้ามาใช้ทดแทนแรงงานคนเพื่อเพิ่มคุณภาพของผลไม้ จะสามารถสร้างรายรับส่วนเพิ่มที่ดีได้รวมราว 5.9 ล้านบาท จากผลของราคาขายผลไม้ที่อยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่ต้นทุนส่วนเพิ่มจากการใช้หุ่นยนต์ไม่แตกต่างจากการใช้แรงงานคนมากนักราว 0.4 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรส่วนเพิ่มจากการใช้หุ่นยนต์เมื่อเทียบกับการใช้แรงงานคนรวมราว 5.5 ล้านบาท หรือเฉลี่ยราว 0.55 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งหุ่นยนต์เก็บเกี่ยวผลไม้จะสามารถคืนทุนได้ในปีที่ 4 สะท้อนถึงประสิทธิภาพของหุ่นยนต์เก็บเกี่ยวผลไม้ที่น่าสนใจ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น