ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ราคาน้ำยางสดของไทยน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะสั้นคือ ในช่วงที่เหลือของปี 2563 ต่อเนื่องถึงในปี 2564 ที่ราว 53-58 บาทต่อกิโลกรัม ด้วยแรงหนุนสำคัญของความต้องการถุงมือยางที่มีรองรับต่อเนื่องโดยเฉพาะถุงมือยางทางการแพทย์ จึงนับเป็นโอกาสที่ดีของยางพาราไทย โดยมีน้ำยางข้นเป็นตัวชูโรง เนื่องจากน้ำยางข้นเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตถุงมือยาง สำหรับในระยะถัดไป น้ำยางข้นน่าจะยังมีศักยภาพต่อเนื่อง สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในแง่ที่หันมาใส่ใจสุขอนามัยมากขึ้นในระยะยาว ขณะที่ยางแท่งและยางแผ่นรมควันน่าจะมีบทบาทลดลง ตามเทคโนโลยีการผลิตยางล้อที่ใช้ยางธรรมชาติน้อยลง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเกษตรกรที่มีศักยภาพด้านเงินทุนในการลงทุนเครื่องจักร และมีความรู้ในการแปรรูปน้ำยางสดเป็นน้ำยางข้น และจะเป็นการดีมากขึ้นหากเกษตรกรสามารถรวมกลุ่มกันเป็นเครือข่ายของสหกรณ์และวิสาหกิจชุมชน ขณะที่ในฝั่งของโรงงานแปรรูปน้ำยางข้นที่มีศักยภาพก็อาจพิจารณาขยายไลน์การผลิตไปสู่การผลิตถุงมือยางเองด้วย ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ และภาครัฐควรเร่งสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตถุงมือยาง อันจะเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ตรงจุดมากขึ้น และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้เป็นอย่างดี
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น