ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 67 ลงมาอยู่ที่ 2.8% จาก 3.1% ซึ่งประเมินเมื่อธันวาคม 2566
นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกปี 2567
มีแนวโน้มขยายตัวในระดับเดียวกันกับปี 2566
การค้าโลกน่าจะกลับมาขยายตัวได้ดี แนวโน้มดอกเบี้ยทั่วโลกจะค่อยๆ
ปรับลดลงจากเงินเฟ้อที่กำลังปรับลดสู่เป้าของธนาคารกลางทั่วโลก
จีนยังคงเผชิญกับปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่คลี่คลาย
รวมถึงเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ
ส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศปรับลดและผู้ประกอบการจีนยังคงลดราคาสินค้าต่อเนื่องเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด
ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประเมินว่าเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ดีอยู่
และได้ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้
ตลาดการเงินมองว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน 2567
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มโตต่ำกว่าคาด โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ได้ปรับลดประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2567 ลงมาอยู่ที่ 2.8% จาก 3.1%
จากอุปสงค์ในประเทศที่โมเมนตัมยังแผ่วลง
รวมถึงภาคการผลิตที่ยังหดตัวต่อเนื่อง และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
สะท้อนได้จากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ยังหดตัวหลายเดือนติดต่อกัน
ในปี 2567
เศรษฐกิจไทยจะได้รับแรงหนุนจากการกลับมาเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐบาลและการส่งออกสินค้าที่คาดว่าขยายตัว
2% และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีโอกาสโตถึง 36 ล้านคนในปีนี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ธปท. ได้สิ้นสุดวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นไปแล้วที่
2.5% และ ธปท. มีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ยประมาณ 2 ครั้งในปี 2567 นี้
ส่วนประมาณการอัตราเงินเฟ้อของปีอยู่ที่ระดับ 0.8%
ในบริบทที่การค้าโลกมีนโยบายกีดกันการค้ายังเข้มข้นอยู่
แนวโน้มการจัดเก็บภาษีคาร์บอนจากทั่วโลก และเทคโนโลยีอย่าง AI
ที่กำลังมีผลกระทบทั่วโลก
ส่วนประเทศไทยที่กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างต่างๆ มากมาย
จำเป็นต้องเร่งหาเครื่องจักรใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทาง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ได้มองว่ากุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนทั้งเรื่องการเป็นศูนย์กลางการผลิต EV
ศูนย์กลางด้าน Data Centre
หรือการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติในการลงทุนรูปแบบอื่นๆ มีกุญแจสำคัญคือ
ประเทศไทยต้องมีพลังงานสะอาดเพียงพอในราคาที่เหมาะสม
เพื่อดึงดูดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเชิง Green Economy
เข้ามาเพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไทย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น