เงินบาททดสอบแนว 37.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปีครั้งใหม่ท่ามกลางสัญญาณการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าทดสอบแนว 37.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นนับเป็นระดับอ่อนค่าสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549 หรืออ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปี อย่างไรก็ดี ภาพรวมการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทนับตั้งแต่ต้นปี 2565 ยังคงเป็นทิศทางที่สอดคล้องและเกาะกลุ่มไปกับทิศทางค่าเงินหยวนและสกุลเงินอื่นๆในภูมิภาค โดยเงินบาทอ่อนค่าลงประมาณ 10% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ เป็นอันดับ 5 ในเอเชีย ตามหลังเงินเยนญี่ปุ่น เงินวอนเกาหลีใต้ เงินเปโซฟิลิปปินส์ และเงินดอลลาร์ไต้หวันตามลำดับ ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การอ่อนค่าของทุกสกุลเงินในเอเชียที่กระจายเป็นวงกว้าง สะท้อนว่า ชนวนสำคัญมาจากเรื่องของเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าอย่างมากตามจังหวะการคุมเข้มนโยบายการเงินแบบแข็งกร้าวของเฟด
คงต้องยอมรับว่า ความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินเอเชียในภาพรวมในปีนี้ มีสาเหตุสำคัญมาจากความไม่แน่นอนของจังหวะการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ปรับเปลี่ยนเร็วในระหว่างรอบการประชุม มากกว่าปัจจัยทางด้านปัญหาเศรษฐกิจ โดยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในเวลานี้กำลังอยู่ในช่วงของการเริ่มทยอยฟื้นตัวขึ้น ดังนั้น สถานการณ์เงินบาทในปัจจุบันจึงมีความแตกต่างไปจากสถานการณ์ในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเวลานั้นเศรษฐกิจไทยเผชิญปัญหาเรื้อรังจากความไม่สมดุลหลายด้านพร้อมกันและต้องใช้เวลานานกว่าที่จะคลี่คลายลง นอกจากนี้ เข้าใจว่า ธปท. ยังคงติดตามสถานการณ์ของเงินบาทอย่างใกล้ชิดและใช้เครื่องมือที่เหมาะสมอย่างระมัดระวัง เพื่อดูแลเสถียรภาพของค่าเงิน
ผู้ประกอบการอาจต้องติดตามสถานการณ์เงินบาทซึ่งยังคงมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบที่ผันผวนในช่วงที่เหลือของปีอย่างใกล้ชิด เนื่องจากตลาดการเงินยังอาจต้องใช้เวลาในการติดตามสถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐฯ เพื่อตกผลึกมุมมองเรื่องดอกเบี้ย โดยเฉพาะจุดสิ้นสุดของวัฏจักรการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ซึ่งหากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมีความชัดเจนมากขึ้นแล้ว ก็น่าจะช่วยให้แรงกดดันด้านอ่อนค่าที่มีต่อเงินบาทและสกุลเงินอื่นในภูมิภาคทยอยคลี่คลายลงตามลำดับ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น