สถานะทางการเงินของภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ยังอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความไม่แน่นอนของเส้นทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังคงแปรผันตามความก้าวหน้าในการฉีดวัคซีนในและต่างประเทศ รวมถึงพัฒนาการของไวรัสว่ามีความเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่ธุรกิจท่องเที่ยวและห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องจะเผชิญสถานการณ์ยากลำบากที่รายรับจากต่างชาติหดหายไปแล้วนานกว่า 12 เดือน ยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการลากยาวของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในครั้งนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ดี ล่าสุด ทางการไทยร่วมกับสมาคมธนาคารไทยได้ออกโครงการพักทรัพย์พักหนี้ (Asset Warehousing) รวมถึงมาตรการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการธุรกิจ หรือ 'สินเชื่อฟื้นฟู' ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า มาตรการทั้ง 2 ส่วนจะช่วยเปิดทางเลือกให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของไวรัสโควิด รองรับสถานการณ์เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ขณะเดียวกันจะก็ช่วยลดภาระของสถาบันการเงินจากโอกาสที่คุณภาพหนี้ของลูกหนี้กลุ่มที่ประสบปัญหาดังกล่าวจะถดถอยลงจนกระทบภาระการตั้งสำรองฯ ท่ามกลางภาวะที่รายได้จากธุรกิจหลักของสถาบันการเงินยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ความสำเร็จของโครงการพักทรัพย์พักหนี้จะมากน้อยเพียงใด ขึ้นกับ 2 เงื่อนไขหลัก คือ แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกิจกรรมการท่องเที่ยว และบทสรุปของข้อตกลงระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ ซึ่งแตกต่างกันตามเงื่อนไขในทางปฏิบัติของลูกหนี้แต่ละราย ขณะที่ คงต้องยอมรับว่า มาตรการอาจไม่ครอบคลุมกลุ่มที่ทำธุรกิจ โดยการเช่าที่ดินและไม่ได้มีกรรมสิทธิ์บนที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ เช่นเดียวกับการที่กลุ่มผู้ประกอบการขนาดย่อมในกรณีของธุรกิจที่พักแรม อาทิ กลุ่มที่กู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยในรูปบุคคลธรรมดา แต่นำมาประกอบธุรกิจในรูปเกสต์เฮ้าส์ อาจต้องพิสูจน์ด้านศักยภาพการแข่งขัน ดังนั้น หลังจากนี้ ทางการอาจต้องพิจารณาแนวทางดูแลเพิ่มเติมสำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กเพิ่มเติมในอนาคต ขณะเดียวกัน คงต้องประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการใหม่นี้เป็นระยะ เพื่อวางแนวทางจัดการ หรือปรับปรุงที่เหมาะสมในระยะต่อไป
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น