Display mode (Doesn't show in master page preview)

26 มีนาคม 2561

สถาบันการเงิน

สินเชื่อสุทธิเดือน ก.พ. 2561 เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อภาคธุรกิจเป็นหลัก ขณะที่สภาพคล่องโดยรวมยังอยู่ในระดับสูงพอเพียง (มองเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3735)

คะแนนเฉลี่ย

​        ภาพรวมสินเชื่อสุทธิเดือน ก.พ. 2561 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 6.7 หมื่นล้านบาท เป็น 11.05 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.61% MoM และ 4.36% YoY โดยส่วนใหญ่เพิ่มจากสินเชื่อในภาคธุรกิจขนาดใหญ่ ทั้งสินเชื่อหมุนเวียนและสินเชื่อมีระยะเวลา ส่วนสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นจากแรงหนุนหลักของสินเชื่อเช่าซื้อ โดยปรับตัวดีขึ้นทั้งตลาดรถใหม่ รถมือสอง และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ขณะที่สินเชื่อเอสเอ็มอียังทยอยฟื้นตัวเป็นบวกเล็กน้อย ส่วนสินเชื่อบัตรเครดิตยังชะลอตัวลงจากการชำระคืนหนี้ต่อเนื่องจากเดือนก่อน สำหรับสถานการณ์สินเชื่อใน 2 เดือนแรกของปี 2561 แม้จะยังลดลงจากสิ้นปีก่อน แต่คาดว่าจะกลับฟื้นตัวเป็นบวกเมื่อจบไตรมาสแรกได้ จากแรงหนุนของความต้องการสินเชื่อภาคธุรกิจขนาดใหญ่เพื่อรองรับการเพิ่มกำลังการผลิตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่างประเทศ ขณะที่สินเชื่อรายย่อยน่าจะเริ่มกลับมาขยายตัวดีขึ้น หลังผลการชำระคืนหนี้บัตรเครดิตทยอยลดลง รวมถึงมีผลบวกจากการขยายตัวที่ค่อนข้างแข็งแกร่งของสินเชื่อเช่าซื้อ ขณะเดียวกัน การแข่งขันนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคลผ่านช่องทางโมบายแบงกิ้งของธนาคารต่าง ๆ จะทยอยเพิ่มการรับรู้ของลูกค้า และคาดว่าจะนำไปสู่การเลือกใช้บริการเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป

           ด้านเงินฝาก ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน 1.4 หมื่นล้านบาท หรือ 0.12% MoM เป็น 12.18 ล้านล้านบาท แต่เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนและสิ้นปีก่อน 5.92% และ 0.69% ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่ลดลงในกลุ่มธนาคารขนาดเล็กและขนาดกลาง ตามการไหลออกของเงินฝากระยะสั้นที่เข้ามาพักชั่วคราว และบางส่วนจากการครบกำหนดเงินฝากพิเศษ ซึ่งแม้ว่าจะมีการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษใหม่ในเดือนนี้หลายตัว แต่เป็นไปเพื่อรองรับเงินฝากที่ครบกำหนดเป็นหลัก โดยที่ยังไม่ปรากฏการแข่งขันด้านราคาเงินฝากพิเศษเป็นการทั่วไป ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ธนาคารหลายแห่งบริหารต้นทุนการเงินได้ดีขึ้น โดยที่ยังสามารถระดมเงินฝากและจัดการสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเพียงพอต่อโอกาสการขยายสินเชื่อที่สูงขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการส่งสัญญาณของเฟด ตลอดจนประเด็นด้านการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบทิศทางผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้สหรัฐฯ และไทย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวผนวกกับแรงส่งของการปล่อยสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ อาจมีผลต่อการกำหนดราคาเงินฝากในระยะต่อไปได้