ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า แม้การผลิตรถยนต์ BEV ในไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แต่อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนในห่วงโซ่อุปทานของรถยนต์ BEV โดยเฉพาะกลุ่มที่มีมูลค่าสูง ยังเผชิญกับความเสี่ยง เนื่องจากค่ายรถมีแนวโน้มกระจายการลงทุนผลิตชิ้นส่วนไปยังประเทศอื่นก่อนนำเข้ามาผลิตรถยนต์ BEV ในไทย ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการแข่งขันที่สูงขึ้นโดยเฉพาะด้านราคาของรถยนต์ ทำให้ค่ายรถหันมาเลือกใช้ชิ้นส่วนที่มีคุณภาพจากฐานผลิตที่มีต้นทุนต่ำกว่า
ในขณะที่ไทยยังไม่มีข้อบังคับในการใช้ชิ้นส่วนขั้นต่ำในประเทศ อีกทั้งการผลิตเพื่อส่งออกผ่าน FTA มีการกำหนดให้ใช้วัตถุดิบภายในประเทศเพียง 40% เท่านั้น ค่ายที่ผลิตรถยนต์ BEV ในไทยจึงมีแนวโน้มนำเข้าชิ้นส่วนบางกลุ่มจากฐานผลิตที่มีศักยภาพแทนผลิตในไทย
โดยในช่วงแรกของการลงทุนของค่ายรถ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช่วงก่อนปี 2568 การผลิตรถยนต์ BEV ยังมีจำนวนไม่มาก แต่ละค่ายจึงเน้นนำเข้าชิ้นส่วนทั้งหมดจากฐานผลิตหลักเดิม เช่น จีน ญี่ปุ่น หรือชาติตะวันตก เพื่อประกอบรถยนต์ BEV ในไทย ต่อมาเมื่อมีการผลิตรถยนต์ BEV เพิ่มขึ้นในไทย จะเริ่มเห็นการลงทุนผลิตชิ้นส่วนบางกลุ่มในไทย แต่จะยังคงนำเข้า Core Technology จากประเทศเจ้าของเทคโนโลยี และกระจายนำเข้าชิ้นส่วนบางกลุ่มที่มีมูลค่าสูงจากประเทศอื่นในอาเซียน เช่น เซลล์แบตเตอรี่จากอินโดนีเซีย และชิ้นส่วนระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จากมาเลเซียกับเวียดนาม ซึ่งอาจจะทำให้หน้าตาของห่วงโซ่อุปทานชิ้นส่วนรถยนต์ในภูมิภาคอาเซียนเปลี่ยนไป จากเดิมที่ไทยเคยเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ส่งออกหลักเมื่อครั้งผลิตรถยนต์ใช้น้ำมัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ BEV ยังไม่นิ่ง อีกทั้งการแข่งขันดึงดูดการลงทุนผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ไทยอาจยังพอมีโอกาสที่จะดึงดูดการลงทุนในบางชิ้นส่วนที่สำคัญและมีมูลค่าสูงให้เข้ามาได้ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยแรงดึงดูดสำคัญจากภาครัฐที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ BEV อย่างต่อเนื่องและครบวงจร ไม่ว่าจะจากมาตรการที่มีอยู่เดิม หรือมาตรการใหม่ๆ เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่จะรุนแรงขึ้น
|
Click ชมคลิป
รถยนต์ BEV ยอดผลิตในไทยโตต่อเนื่อง แต่การผลิตชิ้นส่วน...อาจกระจายอยู่ในหลายประเทศ |
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น