Display mode (Doesn't show in master page preview)

18 มกราคม 2566

Econ Digest

ตรุษจีนปีเถาะ...บรรยากาศดีขึ้นในรอบ 3 ปี คาดคนกรุงฯ ใช้จ่ายราว 12,330 ล้านบาท ภายใต้แผนการจับจ่ายที่ระมัดระวัง

คะแนนเฉลี่ย

        ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แม้ว่าเทศกาลตรุษจีนปี 2566 น่าจะมีบรรยากาศที่ดีขึ้นจากปีก่อน โดยมีแรงหนุนจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่อนคลายและมาตรการช้อปดีมีคืน แต่ก็ยังอยู่ภายใต้การวางแผนปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่ เนื่องจากทิศทางราคาเครื่องเซ่นไหว้ส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับตรุษจีนปีก่อน โดยเฉพาะผัก-ผลไม้บางรายการที่ได้รับความนิยมในช่วงตรุษจีนมีราคาปรับเพิ่มสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% ขณะที่กลุ่มเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่ ราคาน่าจะปรับขึ้นราว 10% ส่วนเนื้อหมู แม้จะมีราคาย่อลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่โดยรวมแล้วราคาก็ยังยืนตัวสูง จึงอาจทำให้คนกรุงเทพฯ ที่เข้าร่วมกิจกรรมตรุษจีนในปีนี้ ยังคงเผชิญกับปัจจัยกดดันที่มาจากราคาสินค้าที่มีแนวโน้มจะขยับสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจที่ระบุว่า ปัจจัยที่กระทบกับพฤติกรรมการจับจ่ายในช่วงตรุษจีนปี 2566 มากที่สุด ได้แก่ ราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้น กำลังซื้อและค่าครองชีพ ตลอดจนความกังวลต่อการกลับมาระบาดอีกครั้งของโควิด-19 ตามลำดับ นอกจากนี้ผลสำรวจยังระบุว่า คนกรุงเทพฯ กว่า 57% จะออกมาใช้สิทธิจากมาตรการช้อปดีมีคืนในช่วงตรุษจีนปี 2566

        ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เม็ดเงินใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนของคนกรุงเทพฯ ในปี 2566 จะอยู่ที่ประมาณ 12,330 ล้านบาท หรือขยายตัวราว 5.0% เมื่อเทียบกับตรุษจีนปีก่อน ซึ่งเป็นการกลับมาขยายตัวอีกครั้งในรอบ 3 ปี อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังหมดเทศกาลตรุษจีน คนกรุงเทพฯ น่าจะกลับมาวางแผนใช้จ่ายอย่างรัดกุมมากขึ้น ท่ามกลางค่าครองชีพที่สูง

 


Click
 ชมคลิป ตรุษจีนปีเถาะ...บรรยากาศดีขึ้นในรอบ 3 ปี คาดคนกรุงฯ ใช้จ่ายราว 12,330 ล้านบาท ภายใต้แผนการจับจ่ายที่ระมัดระวัง

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest