Display mode (Doesn't show in master page preview)

11 สิงหาคม 2564

Econ Digest

สหรัฐฯ-จีน จากมาตการกีดกันการค้า สู่เครื่องมือทางกฎหมายสงครามช่วงชิงความเป็นผู้นำโลกยุคใหม่

คะแนนเฉลี่ย
​เศรษฐกิจจีนที่เร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง ทำให้อำนาจการต่อรองเพิ่มขึ้น สร้างความกังวลให้สหรัฐฯ โดยการตอบโต้ของประธานาธิบดีไบเดนได้เปลี่ยนจากแบบเดิม เป็นการต่อสู่บนยุทธศาสตร์ชาติระยะยาวที่ถูกบัญญัติไว้ในกฎหมายของประเทศ ซึ่งสหรัฐฯได้ผ่านร่างกฎหมายเพื่อกีดกันและแข่งขันกับจีน แบ่งตามวัตถุประสงค์ดังนี้

(1) กฎหมายเพื่อกีดกันจีนในการนำเข้าและส่งออกสินค้าและเทคโนโลยี ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนได้ขยายขอบเขตจากการกีดกันด้วยเหตุผลทาง Cyber Security ให้ครอบคลุมเรื่องสิทธิมนุษยชน (2) กฎหมายเพื่อกีดกันการระดมทุนของบริษัทจีนในสหรัฐฯ ห้ามบริษัทและบุคคลสัญชาติสหรัฐฯ ลงทุนในบริษัทจีนที่ดำเนินธุรกิจที่อาจสร้างความกังวลด้านความมั่นคง หรือเป็นบริษัทที่เชื่อมโยงกับกองทัพจีน (3) กฎหมายเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่สำคัญที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้ โดยวุฒิสภาของสหรัฐฯได้ผ่านร่างกฎหมาย Innovation and Competition Act of 2021 ส่งเสริมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ อุตสาหกรรมนวัตกรรมปฏิวัติ อุตสาหกรรมห่วงโซ่อุปทานพลังงานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ อุตสาหกรรมอวกาศ 

ที่น่าสนใจคือการใช้เครื่องมือทางกฎหมายของสหรัฐฯและจีนมีความคล้ายกันมาก ต่างกันแค่ช่วงเวลาที่นำมาใช้ โดยสหรัฐฯเริ่มเรียนรู้การกำหนดอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ผ่าน Innovation and Competition Act แต่จีนทำมานานแล้วผ่านแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี ในขณะที่จีนเริ่มเรียนรู้การใช้เครื่องมือกีดกันต่างๆ โดยได้ผ่านกฎหมาย Anti-Foreign Sanctions Law เพื่อเพิ่มอำนาจทางกฎหมายของจีนในการตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก 

การตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯและจีน เป็นการแข่งขันเป็นผู้นำโลกยุคใหม่ พลิกโฉมการต่อสู้เป็นต่อสู่บนยุทธศาสตร์ชาติระยะยาว ซึ่งยากจะคาดเดาผลลัพธ์ นักธุรกิจและนักลงทุนต้องคำนึงถึงความเสี่ยงด้านนี้เป็นสำคัญ ขณะที่ทางการไทยต้องดำเนินนโยบายที่รักษาสมดุลจากทั้งสองฝ่าย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด


Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest