มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเดือน พ.ค. 2563 อยู่ที่ 16,278 ล้านดอลลาร์ฯ หดตัว -22.5% (หากหักมูลค่าส่งออกทองคำ หดตัว -27.9%) เป็นผลจากมาตรการปิดเมืองของหลายประเทศทั่วโลก โดยการส่งออกที่หดตัวในเดือนนี้นับเป็นการหดตัวลึกที่สุดในรอบกว่า 10 ปี ตามทิศทางเดียวกันกับการส่งออกสินค้าของภูมิภาค เช่น ญี่ปุ่น (-28.3%) เกาหลีใต้ (-23.7%) อินโดนีเซีย (-29.%) สาเหตุหลักมาจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวด ส่งผลให้ห่วงโซ่การผลิตโลกชะงักงัน อีกทั้งอุปสงค์โลกอ่อนแอลงค่อนข้างมากจากมาตรการล็อกดาวน์ของประเทศต่างๆ
อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าไทยไปจีนกลับขยายตัว +15.3% ซึ่งนับเป็นตลาดหลักเพียงตลาดเดียวที่การส่งออกขยายตัวเป็นบวก โดยสินค้าที่ขยายตัวสูง ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง โดยเฉพาะทุเรียน (+234.4%) รถยนต์และส่วนประกอบ (+204.2%) ผลิตภัณฑ์ยาง (+35.6%) แต่หากพิจารณาเป็นรายสินค้าส่งออกในภาพรวม พบว่า สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรยังขยายตัวเป็นบวก จากอานิสงส์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของสินค้าบางประเภท เช่น ผลไม้ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และทูน่ากระป๋อง ในขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมหดตัวในทุกหมวด ไม่เว้นสินค้าอุตสาหกรรมศักยภาพ อาทิ รถยนต์และส่วนประกอบ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์
จากความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกที่สูงขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา ยังเป็นปัจจัยที่กดดันการส่งออกของไทยในระยะข้างหน้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการการส่งออกปี 2563 จะหดตัวไว้ที่ -6.1% โดยต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดรอบ 2 ซึ่งอาจจะทำให้การส่งออกมีแนวโน้มหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น