ในปี 2551 มีการคาดการณ์ว่าตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีนจะได้รับผลกระทบจากปัญหาสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้อยคุณภาพหรือ Sub Prime ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ เกิดการชะลอตัว และจะกระทบต่อการส่งออกของจีนอีกด้วย อย่างไรก็ตามศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าแม้จีนจะได้รับผลกระทบจากชะลอตัวของตลาดส่งออกเช่นสหรัฐฯ แต่การส่งออกของจีนในช่วงปี 2550 ที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 37 ของจีดีพีเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าไทยที่ต้องพึ่งพาการส่งออกค่อนข้างมากโดยการส่งออกสูงถึงร้อยละ 62 ของจีดีพี นอกจากนี้การส่งออกของจีนไปสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 7.2 ของจีดีพีเท่านั้น ซึ่ง ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นกับจีนจากปัญหา Sub Prime ของสหรัฐฯ จึงน่าจะอยู่ในวงจำกัด นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังได้ดำเนินนโยบายกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนซึ่งจะช่วยชดเชยความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกอีกด้วย ในอีกด้านหนึ่ง จีนเองจะได้รับประโยชน์จากการเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกในปี 2551 นี้ ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าประเทศมากขึ้นและมีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน อนึ่ง ปัจจุบันจีนเป็นประเทศที่มีทุนสำรองระหว่างประเทศมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้รัฐบาลจีนมีทางเลือกในการดำเนินนโยบายการคลังที่คล่องตัวมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลจีนสามารถเพิ่มการลงทุนในประเทศหากมีความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
อนึ่ง ผลกระทบจากปัญหา Sub Prime ของสหรัฐฯ จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าคาดไว้และส่งผลให้การส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ ชะลอตัวลงด้วย ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือ ส.ศ.ช. คาดการณ์ว่าการส่งออกของไทยในปี 2551 น่าจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวจากปีก่อน ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเห็นว่าท่ามกลางความเสี่ยงจากปัญหา Sub Prime ในสหรัฐฯ ที่อาจจะกระทบต่อการส่งออกของไทยไปตลาดดังกล่าว การส่งออกไปจีนจะเป็นตัวขับเคลื่อนการส่งออกของไทยในปี 2551 เนื่องจากอุปสงค์ในจีนยังคงขยายตัวตามการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายกระตุ้นการบริโภคในประเทศของรัฐบาลจีนจะทำให้จีนต้องนำเข้าวัตถุดิบเช่นยางพารา น้ำมันเชื้อเพลิง เม็ดพลาสติก มันสำปะหลัง ฯลฯ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้สภาพอากาศอันเลวร้ายในจีนในช่วงต้นปี 2551 ที่ผ่านมา จะส่งผลให้จีนอาจต้องนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้นเพื่อทดแทนความเสียหายจากภัยพิบัติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสด้านการส่งออกสินค้าเกษตรกรรมของไทยเช่น ข้าว ผลไม้สดและผลไม้แห้ง อาหารทะเล ฯลฯ ดังนั้นแนวโน้มที่จีนซึ่งปัจจุบันเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของไทยรองจากสหรัฐฯ และญี่ปุ่นจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นอีกในฐานะที่เป็นแรงขับเคลื่อนการส่งออกของไทยในปี 2551นี้จึงเป็นไปได้สูง
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น