ตั้งแต่ต้นปี 2551 ราคายางมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากฝนตกชุกในแหล่งผลิต ทำให้ปริมาณการผลิตยางของประเทศผู้ผลิตสำคัญมีแนวโน้มลดลง ประเทศผู้ใช้ยางกังวลว่าปริมาณยางจะขาดตลาดจึงเร่งซื้อยางเพื่อเก็บเข้าสต็อก ส่งผลให้การส่งออกยางของไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ปัจจัยผลักดันให้ราคายางอยู่ในเกณฑ์สูงคือ ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคายางสังเคราะห์ซึ่งใช้ทดแทนยางธรรมชาติยังมีราคาแพง การเข้ามาเก็งกำไรราคายางในฐานะสินค้าโภคภัณฑ์ของกองทุนจากต่างประเทศ โดยพิจารณาได้จากราคายางในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าในสิงคโปร์และโตเกียว รวมทั้งตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าของไทยด้วย นอกจากนี้ความต้องการใช้ยางในประเทศไทยยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย จากนโยบายผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก
คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีราคายางจะยังคงอยู่ในเกณฑ์สูง แต่คงจะไม่พุ่งเหมือนกับช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากปริมาณยางเริ่มออกสู่ตลาดเป็นปกติ(หลังจากในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนปริมาณยางออกสู่ตลาดน้อย) ประเทศผู้ใช้ยังมีสต็อกยางอยู่ในเกณฑ์สูง ทำให้ลดความกังวลในเรื่องยางขาดตลาด นอกจากนี้ราคายางอาจมีโอกาสผันผวนจากการที่บรรดากองทุนต่างประเทศหันไปเก็งสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ เนื่องจากไม่สามารถผลักดันให้ราคายางสูงไปกว่าปัจจุบัน
ประเด็นที่ต้องจับตามอง คือ ทางEIU ปรับการคาดการณ์ราคายางทั้งปี 2551 ให้อยู่ในเกณฑ์สูงกว่าการคาดการณ์เดิม จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ แต่สำหรับในปี 2552 สำนักวิจัยยางและวงการค้ายางต่างคาดการณ์ว่าราคายางในตลาดโลก แม้ว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์สูง แต่ก็ราคายางเฉลี่ยจะต่ำกว่าในปี 2551 เพราะนอกจากคาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตยางจะเพิ่มขึ้นจากเนื้อที่เปิดกรีดเพิ่มขึ้นแล้ว ราคายางในปี 2551 นั้นเป็นราคาที่สูงกว่าที่ควรจะเป็นเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานที่กำหนดราคายางแล้ว ดังนั้นในปี 2552 ราคายางจึงน่าจะมีการปรับฐานลงมาสู่ภาวะปกติ และคาดการณ์ว่าราคายางในปี 2552 ยังมีแนวโน้มผันผวนไปตามกระแสข่าวของปัจจัยต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตและความต้องการใช้ อย่างไรก็ตาม ในระยะที่ผ่านมาราคายางมีแนวโน้มที่จะปรับตัวไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน ดังนั้นการคาดการณ์ราคายางในอนาคตนั้นจึงสามารถอิงกับการคาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ เพราะมีแนวโน้มที่จะปรับตัวไปในทิศทางเดียวกัน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น