ในปี 2551 การส่งออกไก่แปรรูปของไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากในปี 2550 เนื่องจากอัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกของตลาดสำคัญไม่ว่าจะเป็นสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น รวมทั้งตลาดส่งออกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ แคนาดา ฮ่องกง และเกาหลีใต้ โดยจีนซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญในการส่งออกไก่แปรรูปของไทยประสบปัญหาด้านภาพลักษณ์ด้านสุขอนามัย รวมทั้งการตรวจพบยาตกค้างในผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้นำเข้าหันมานำเข้าไก่แปรรูปจากไทยแทน นอกจากนี้ ไทยยังได้เปรียบคู่แข่งขันในเรื่องอัตราภาษี โดยในตลาดญี่ปุ่นไทยได้ลดภาษีนำเข้าตามข้อตกลงเจเทปป้า ส่วนในตลาดสหภาพยุโรปไทยได้รับโควตาส่งออกในอัตราภาษีที่ต่ำ
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการในธุรกิจไก่เนื้อและผู้ส่งออกไก่แปรรูปต้องปรับตัว เนื่องจากปัจจุบันต้นทุนการเลี้ยงไก่เนื้อมีแนวโน้มสูงขึ้น อันเป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีแนวโน้มสูงขึ้น อันเป็นผลต่อเนื่องจากปริมาณความต้องการข้าวโพดเพื่อนำไปเป็นวัตถุดิบป้อนการผลิตเอธานอล ซึ่งการปรับตัวของบรรดาผู้ประกอบการรับมือกับต้นทุนที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเป็นกุญแจสำคัญที่กำหนดความสามารถทำกำไรในปี 2551 นี้
สำหรับแนวโน้มในปี 2552 คาดว่าการส่งออกไก่แปรรูปยังคงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดญี่ปุ่น เนื่องจากไทยยังได้ลดภาษีนำเข้าตามข้อตกลงเจเทปป้า อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องจับตามองคือ การส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรปที่มีแนวโน้มว่าในช่วงครึ่งปีหลังไทยจะส่งออกเต็มตามโควตา และต้องเสียภาษีในอัตรานอกโควตา ซึ่งอยู่ในเกณฑ์สูงมาก ดังนั้น มีแนวโน้มว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2552 การส่งออกไก่แปรรูปไปยังตลาดสหภาพยุโรปจะชะลอตัว สำหรับประเด็นที่น่าสนใจคือ มีแนวโน้มที่ไทยจะกลับมาส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคงต้องจับตาการเข้ามาตรวจสภาพการเลี้ยงของโอไออี และถ้าไทยได้รับการรับรองเป็นประเทศปลอดการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก ผู้ส่งออกของไทยต้องไปแย่งชิงตลาดกลับคืนมาจากบราซิลและสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ตลาดใหม่ที่น่าสนใจคือ รัสเซีย และประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งทั้งสองตลาดนี้ผู้ส่งออกไก่ของไทยมีโอกาสในการเจาะขยายตลาดได้เพิ่มอีกมากทีเดียว
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น