การส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่า 53,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 การส่งออกที่สามารถขยายตัวได้ดีเป็นผลมาจากไทยได้ขยายการส่งออกไปตลาดใหม่ๆ โดยประเทศใหม่ๆ ที่ไทยขยายการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกไป ได้แก่ ประเทศในแถบตะวันออกกลาง แอฟริกาใต้ แทนซาเนีย เป็นต้น
จากภาวะที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกอย่างมาก เพราะอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกต้องอาศัยปัจจัยการผลิตหลัก ซึ่งก็คือเม็ดพลาสติก จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีโดยตรง อีกทั้งยังต้องเผชิญกับการขาดแคลนผงเมลามีนจากความต้องการซื้อผงเมลามีนเพิ่มสูงขึ้นของประเทศจีน
ผลจากการที่ราคาปัจจัยการผลิตมีความผันผวนสูงและภาวะการขาดแคลนวัตถุดิบดังกล่าวนั้น ทำให้ผู้ผลิตบางส่วนไม่มั่นใจที่จะรับคำสั่งซื้อ เนื่องจากผู้ผลิตไม่ต้องการแบกรับภาระขาดทุนจากความไม่แน่นอนของราคาวัตถุดิบที่อาจปรับตัวสูงขึ้นได้ตามราคาน้ำมันขณะเดียวกันเมื่อต้นทุนการผลิตปรับสูงขึ้นแต่ผู้ผลิตไม่สามารถปรับราคาขายสินค้าขึ้นได้ทันที หรือแม้จะปรับราคาขึ้นได้ก็น้อยกว่าอัตราต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะผลิตภัณฑ์พลาสติกส่วนใหญ่ที่ผู้ประกอบการไทยมีการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มไม่สูงนัก เช่น ถุงพลาสติก เป็นต้น ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยซึ่งมีเงินทุนหมุนเวียนค่อนข้างน้อยประสบกับภาวะการขาดสภาพคล่องส่งผลให้มีโรงงานเริ่มทยอยปิดตัวลง แต่สำหรับผู้ผลิตรายใหญ่อาจยังมีความได้เปรียบ เนื่องจากมีศักยภาพทางการเงินและการจัดหาวัตถุดิบ ความพร้อมของเทคโนโลยี อีกทั้งยังมีศักยภาพที่จะขยายการผลิตไปสู่ผลิตภัณฑ์ประเภทที่มีมูลค่าเพิ่มสูง
ช่วงที่เหลือของปี 2551 ปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องระมัดระวัง คือ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวรุนแรงกว่าในช่วงครึ่งแรกของปี และภาวะการแข่งขันของผลิตภัณฑ์พลาสติกในตลาดโลกเนื่องจาก การที่อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกส่วนใหญ่ของไทยเป็นอุตสาหกรรมที่เน้นการใช้แรงงานเข้มข้น (Labor Intensive) ในการผลิต แต่ค่าจ้างแรงงานของประเทศไทยนั้นสูงกว่าประเทศผู้ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกรายใหญ่อย่างประเทศจีน แนวโน้มด้านต้นทุนการผลิตของผู้ผลิต คาดว่า แรงกดดันทางด้านต้นทุนของผู้ประกอบการจะมีแนวโน้มลดลง จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาเม็ดพลาสติกมีโอกาสอ่อนตัวลงได้ ประกอบกับอุปทานเม็ดพลาสติกในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า แนวโน้มของการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกในช่วงที่เหลือของปี 2551 จะมีการขยายตัวที่ชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 7.3 จากที่ขยายตัวร้อยละ 18.4 ในช่วง 7 เดือนแรก ทำให้ทั้งปี 2551 อัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกขยายตัวประมาณร้อยละ 12.9 ซึ่งสูงขึ้นกว่าปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 8.7 โดยแนวโน้มของการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ชะลอลงนั้นจะเป็นผลมาจากปริมาณการส่งออกที่ชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าเป็นสำคัญ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น