จากการคาดการณ์ว่าราคาข้าวในฤดูการผลิต 2551/52 มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากประเทศผู้ผลิตข้าวต่างขยายปริมาณการผลิตข้าว อันเป็นผลจากราคาที่อยู่ในเกณฑ์สูงในช่วงฤดูการผลิต 2550/51 และเพื่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศ จะได้ไม่เกิดปัญหาขาดแคลนข้าวเช่นในช่วงต้นปี 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งจากแนวโน้มราคาข้าวขาลงดังกล่าวทำให้ไทยซึ่งอยู่ในฐานะที่เป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลกจึงต้องดำเนินมาตรการรับจำนำข้าวเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาข้าวทั้งในประเทศ โดยหากรัฐบาลไทยไม่มีมาตรการรับจำนำข้าวเพื่อดึงปริมาณข้าวไม่ให้ทะลักออกสู่ตลาดในช่วงต้นฤดู และปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดเสรีแล้ว คาดว่าจะส่งผลให้ราคาข้าวทั้งในประเทศและราคาส่งออก รวมทั้งราคาในตลาดโลกดิ่งลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น จะเห็นได้ว่าผู้ที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการรับจำนำข้าวคือ ชาวนาซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย โดยสามารถขายข้าวได้ในราคาที่สูงขึ้น โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ที่เข้ามารับความเสี่ยงในการแบกภาระสต็อกข้าวไว้เอง แม้ว่าการพยุงราคาข้าวให้อยู่ในระดับสูงนั้นอาจจะทำให้ผู้ส่งออกข้าวไทยต้องเสียตลาดข้าวไปบางส่วน เนื่องจากประเทศผู้ซื้อข้าวหันไปซื้อข้าวจากประเทศคู่แข่งขันของไทยที่มีราคาถูกกว่า แต่ผู้ส่งออกข้าวก็ได้รับอานิสงส์ในด้านของราคาส่งออกข้าวที่ไม่ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีการรับจำนำข้าว และปล่อยให้อุปทานออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ คาดว่าการเสียตลาดดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นเพียงช่วงที่ประเทศคู่แข่งมีข้าวเพียงพอที่จะรองรับคำสั่งซื้อ ขณะที่เมื่ออุปทานข้าวส่วนเกินในตลาดโลกเริ่มปรับลดลง ไทยก็น่าจะสามารถกลับมาดึงตลาดส่งออกคืนได้จากการที่ยังมีสต็อกข้าวรองรับการส่งออก
ประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ งบประมาณที่จะดำเนินมาตรการรับจำนำข้าวที่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของสถาบันการเงินของรัฐที่จะต้องเข้ามาช่วยรับภาระร่วมกับธกส. นอกจากนี้ รัฐบาลจะต้องดำเนินการจัดการเกี่ยวกับการเก็บและระบายสต็อกข้าวในโครงการรับจำนำข้าวอย่างระมัดระวัง เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดภาระทางการเงินในของการดำเนินมาตรการรับจำนำข้าวของรัฐบาลในขณะที่จังหวะเวลาในการระบายสต็อกข้าวก็เป็นประเด็นสำคัญเช่นกัน เพราะย่อมจะส่งผลต่อราคาข้าว และการแข่งขันในการส่งออกข้าวของไทยในตลาดต่างประเทศ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น