Display mode (Doesn't show in master page preview)

10 ตุลาคม 2551

เกษตรกรรม

ข้าวหอมมะลิ : ครองส่วนแบ่งตลาด 75% ในตลาดสหรัฐฯ…พึงระวังผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ (มองเศรษฐกิจฉบับที่ 2315)

คะแนนเฉลี่ย

ท่ามกลางความวิตกกังวลถึงผลกระทบจากปัญหาวิกฤตทางการเงินของสหรัฐฯที่จะส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจทั้งสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกซบเซา ผลกระทบต่อเนื่องถึงการส่งออกในปี 2552 มีแนวโน้มชะลอตัว โดยเฉพาะสินค้าส่งออกที่พึ่งพิงตลาดสหรัฐฯเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์ปัจจุบันข้าวหอมมะลินับว่าเป็นหนึ่งในบรรดาสินค้าเกษตรที่คาดการณ์ว่าจะได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย และเป็นสินค้าที่ยังมีโอกาสที่จะเติบโตในตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในสหรัฐฯ รวมทั้งภาครัฐบาลเป็นหัวหอกนำภาคเอกชนเข้าไปเจาะขยายตลาดข้าวหอมมะลิในสหรัฐฯ และราคาข้าวหอมมะลิของไทยอยู่ในระดับต่ำกว่าข้าวหอมที่ผลิตได้ในสหรัฐฯประมาณ 92 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ส่งผลให้ตลาดข้าวหอมมะลิในสหรัฐฯเติบโตอย่างมากในปี 2551 และคาดการณ์ว่าการส่งออกข้าวหอมมะลิไปยังตลาดสหรัฐฯ ในปี 2552 ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ส่งออกข้าวหอมมะลิไปยังตลาดสหรัฐฯยังคงต้องติดตามผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เนื่องจากถ้าผลกระทบนั้นรุนแรงมากกว่าที่ประเมินในปัจจุบัน และเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งจะกระทบถึงกำลังซื้อของคนอเมริกัน และส่งผลต่อเนื่องที่อาจทำให้ยอดจำหน่ายข้าวหอมมะลิในตลาดสหรัฐฯ ที่จัดว่าเป็นสินค้าพรีเมี่ยมชะลอตัวลงได้

นอกจากนี้ปัจจัยพึงระวังสำหรับตลาดข้าวหอมมะลิในสหรัฐฯ คือ ปัญหาการปลอมปนข้าวหอมมะลิ เนื่องจากนโยบายรักษามาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยให้เป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยม ขณะเดียวกันก็เพื่อให้สามารถจำหน่ายได้ในราคาสูงด้วย โดยข้าวที่ส่งออกต้องมีปริมาณข้าวหอมมะลิไม่ต่ำกว่าร้อยละ 92 จึงเป็นช่องทางให้ผู้นำเข้าบางกลุ่มหาประโยชน์จากชื่อเสียงของข้าวหอมมะลิ โดยการนำข้าวหอมปทุมธานี1 ไปผสมกับข้าวขาวเมล็ดยาวของจีนแล้วทำให้ผู้ซื้อเข้าใจว่าเป็นข้าวหอมมะลิ สามารถจำหน่ายให้กับกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงล่างในสหรัฐฯ ในขณะนี้ผลกระทบต่อตลาดข้าวหอมมะลิในสหรัฐฯยังไม่รุนแรงมากนัก แต่ในระยะยาวยังต้องจับตาผลกระทบอย่างใกล้ชิด

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


เกษตรกรรม