การส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปี 2551 มีแนวโน้มชะลอตัวลงเนื่องจากต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ลุกลามไปทั่วโลกทำให้ความต้องการนำเข้าของประเทศต่างๆชะลอตัวลง โดยคาดว่าการส่งออกของไทยทั้งปี 2551 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 20 จากที่เติบโตร้อยละ 17.25 ในปี 2550 แต่ผลกระทบดังกล่าวน่าจะส่งผลที่ชัดเจนขึ้นในปี 2552 โดยคาดว่าการส่งออกในปี 2552 จะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 5-10
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดส่งออกหลักที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น สินค้าเกษตร/อาหารน่าที่จะมีแนวโน้มดีกว่าสินค้าส่งออกในกลุ่มอื่นๆเนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นและไทยมีศักยภาพเนื่องจากไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารของโลก โดยสินค้าอาหารทะเลแช่เย็น/แปรรูปของไทยเป็นสินค้าที่มีศักยภาพทั้งในสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น โดยมีมูลค่าการส่งออก 2.99 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 13.5 ส่วนผลิตภัณฑ์ไก่ของไทยมีมาตรฐานการผลิตเป็นที่ยอมรับ ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 ขยายตัวอย่างต่อเนื่องถึงร้อยละ 78.5 โดยเฉพาะญี่ปุ่นเนื่องจากไทยได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีภายใต้ความตกลง JTEPA จึงยังมีแนวโน้มเติบโตสูง นอกจากนี้สินค้าผักและผลไม้แช่เย็น/แปรรูป ซึ่งตลาดหลักมีมาตรฐานการนำเข้าสูง เช่น มาตรฐานเกี่ยวกับสารเคมีและแมลงที่มากับผักและผลไม้ ทำให้ปริมาณการส่งออกของไทยไปยังตลาดหลักค่อนข้างน้อย แต่น่าจะขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะผลไม้ของไทยที่มีรสชาติโดดเด่น จึงควรเน้นการผลิตให้มีคุณภาพให้ได้มาตรฐานการส่งออกรวมถึงขนาดและรสชาติให้เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในตลาดหลักที่มีกำลังซื้อสูง นอกจากนี้ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ตลาดทั่วโลกกังวลกับกรณีพบสารเมลามีนปนเปื้อนในนมและผลิตภัณฑ์นมของจีนและลุกลามไปยังสินค้าอาหารอื่นๆ เช่น ขนมขบเคี้ยวต่างๆ ผัก ไข่ อาหารสัตว์ และเครื่องในสัตว์ ทำให้สินค้าอาหารของไทยน่าจะมีโอกาสขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากประเทศต่างๆ ต่างไม่มั่นใจในความปลอดภัยของสินค้าประเภทอาหารของจีนและอาจชะลอการนำเข้าสินค้าของจีนระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตามการส่งออกสินค้าอาหารของไทยต้องคำนึงถึงมาตรฐานสินค้าส่งออกมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันทุกประเทศต่างให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยของอาหารและมีกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าอาหารที่เคร่งครัด ดังนั้นสินค้าอาหารส่งออกของไทยที่ได้มาตรฐาน/มีความปลอดภัยจึงน่าจะเข้าสู่ตลาดส่งออกได้มากขึ้นและจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการส่งออกของไทยให้มีโอกาสขยายตัวตามไปด้วย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น