แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีนที่อัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน หรือ 586 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 โดยมีระยะเวลา 2 ปี รวมถึงมาตรการทางภาษีและมาตรการทางการเงินที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีสำคัญของเศรษฐกิจจีนในเดือนมีนาคม 2552 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นในหลายๆ ด้าน ได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และสินเชื่อใหม่ที่ขยายตัวในระดับสูง รวมทั้งภาคส่งออกและนำเข้าของจีนที่มีอัตราหดตัวชะลอลงในเดือนมีนาคมนี้ (yoy) เมื่อเทียบกับ 2 เดือนก่อนหน้า
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีนที่ส่งผลให้การบริโภคและการลงทุนของจีนที่ขยายตัวต่อไปได้ คาดว่าจะช่วยให้การนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ สินค้าขั้นกลาง และเครื่องจักรกลต่างๆ ของจีนปรับตัวดีขึ้นในระยะต่อไป และทำให้ความต้องการนำเข้าสินค้าจากไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยในเดือนมีนาคม 2552 นี้ ได้เริ่มมีสัญญาณการส่งออกของไทยไปตลาดจีนที่ดีขึ้นบ้างแล้ว
การส่งออกสินค้าของไทยไปจีนมีอัตราหดตัวชะลอลงเหลือร้อยละ 14 (yoy) จากในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ที่มีอัตราติดลบร้อยละ 34.6 ส่งผลให้การส่งออกของไทยไปจีนในไตรมาสแรกของปีนี้มีอัตราหดตัวร้อยละ 27.6 (yoy) จากปี 2551 ที่ขยายตัวร้อยละ 9 สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปจีนในเดือนมีนาคมนี้ ส่วนใหญ่ปรับดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2551 โดยสินค้าส่งออกของไทยที่สามารถขยายตัวเป็นบวกในเดือนมีนาคม 2552 จากที่มีอัตราติดลบในช่วง 2 เดือนก่อนหน้า ได้แก่ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง แผงวงจรไฟฟ้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องใช้ไฟฟ้า มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า วงจรพิมพ์ และข้าว
ขณะที่สินค้าส่งออกของไทยที่ยังคงปรับลดลงแต่มีอัตราชะลอลง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยางพารา เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง สินค้าส่งออกที่ขยายตัวเร่งขึ้น ได้แก่ ทองแดงและของที่ทำด้วยทองแดง และสินค้าส่งออกที่ยังขยายตัวเป็นบวกแต่ชะลอลง ได้แก่ เคมีภัณฑ์
อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยไปจีนที่จะกลับมาขยายตัวในระดับมากกว่าร้อยละ 25 เช่นที่เกิดขึ้นในช่วงกว่า 6 ปีที่ผ่านมา คงต้องรอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะกลุ่มประเทศจี 3 ที่เป็นตลาดส่งออกหลักของจีน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ความต้องการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางของจีนเพื่อใช้ผลิตสินค้าส่งออก จากประเทศในเอเชียและไทยกลับเป็นปกติ ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในปี 2553
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น