Display mode (Doesn't show in master page preview)

6 พฤษภาคม 2552

อุตสาหกรรม

อุตสาหกรรมการบินหดตัว ... การเมืองและไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซ้ำเติม (มองเศรษฐกิจฉบับที่ 2496)

คะแนนเฉลี่ย

การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือ Influenza A (H1N1) ที่แพร่กระจายไปในหลายภูมิภาคทั่วโลกอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดจากรายงานขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2552 มีจำนวนผู้ติดเชื้อ (Confirmed Cases) เพิ่มขึ้นเป็น 1,490 ราย ใน 21 ประเทศ จากที่มีเพียง 38 ราย ใน 2 ประเทศ (เม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา) ในวันที่ 26 เมษายน 2552 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ล่าสุด WHO ยังคงระดับการแพร่ระบาดของโรคไว้ที่ระดับ 5 (ซึ่งเป็นระดับที่ปรับขึ้นมาหลังจากที่มีผู้เสียชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกา) ขณะที่ในเม็กซิโกมีการรายงานว่าภาวะการแพร่ระบาดเริ่มทรงตัว อีกทั้งอัตราการเสียชีวิตของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ถือว่าค่อนข้างต่ำ โดยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2 (คำนวณจากข้อมูล ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2552) หากเปรียบเทียบกับโรคซาร์สซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 9.6 ทั้งนี้ แม้ว่า WHO จะไม่มีการแจ้งเตือนให้มีการจำกัดการเดินทางข้ามพรมแดน (WHO advises no restriction of regular travel or closure of borders) แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้ส่งผลกระทบและสร้างความกังวลแก่คนทั่วโลกต่อโอกาสการติดเชื้อ ซึ่งอาจส่งกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการบิน

โดยก่อนหน้านี้อุตสาหกรรมการบินก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกอยู่แล้ว ทำให้จำนวนผู้โดยสารทั่วโลกลดลงอย่างมาก โดยไตรมาสแรกของปีนี้จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศทั่วโลกหดตัวไปแล้วกว่าร้อยละ 9.1* ซึ่ง IATA (International Air Transport Association) คาดว่าในปีนี้อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกจะขาดทุนสูงถึง 4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่จำนวนผู้โดยสารของไทยก็มีทิศทางชะลอตัวลงเช่นเดียวกันกับทั่วโลก โดยไตรมาสแรกของปีนี้จำนวนผู้โดยสารหดตัวไปแล้วกว่าร้อยละ 17 อีกทั้งเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศด้านการท่องเที่ยว ทำให้อุตสาหกรรมการบินตกอยู่ในภาวะเลวร้ายลงไปอีก ซึ่งอาจทำให้ในไตรมาสที่ 2 จำนวนผู้โดยสารทางอากาศอาจหดตัวรุนแรงกว่าไตรมาสแรก

อย่างไรก็ตาม จากการที่รัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว รวมทั้งคาดว่าจะมีมาตรการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวตามมาอีกหลายระลอกก็น่าจะช่วยให้จำนวนผู้โดยสารทางอากาศอาจกลับมาดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี โดยเฉพาะถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเกิดขึ้นซ้ำอีก อย่างไรก็ตาม ประเด็นทางการเมืองยังคงเป็นความเสี่ยงที่สำคัญตลอดระยะเวลาที่เหลือของปีนี้ ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน แม้ว่าล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะดูมีเสถียรภาพมากขึ้นก็ตาม อีกทั้งยังต้องเผชิญผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซ้ำเติมเข้ามาอีก

ทั้งนี้ จากปัจจัยลบต่างๆ ดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงปรับลดประมาณการจำนวนผู้โดยสารทางอากาศในปี 2552 มาอยู่ที่ประมาณ 46.2-46.8 ล้านคน หดตัวจากปีก่อนประมาณร้อยละ 14-15 ลดลงจากปี 2551 ที่มีจำนวนผู้โดยสารประมาณ 54.4 ล้านคน และเป็นการหดตัวต่อเนื่องจากปีก่อนที่หดตัวร้อยละ 4.8 แต่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าของการแพร่ระบาด รวมทั้งการพัฒนาสายพันธุ์ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งโดยทั่วไปมักเป็นช่วงฤดูกาลไข้หวัดใหญ่ระบาดเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งหากมีการกลับมาแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในช่วงดังกล่าว ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของการเดินทางท่องเที่ยวในไทยก็อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยรุนแรงมากขึ้น



* คิดตามหน่วย RPK (Revenue Passenger Kilometers)

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


อุตสาหกรรม