ปี 2552 นับเป็นปีแรกในรอบ 5 ปีที่การส่งออกข้าวของไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันอย่างรุนแรงตลอดทั้งปี โดยในปีที่ผ่านๆมา การแข่งขันจากคู่แข่งขันสำคัญคือ เวียดนามนั้นจะรุนแรงอย่างมากในช่วงครึ่งแรกของปีเท่านั้น แต่ในปีนี้เวียดนามเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ โดยทุ่มการส่งออกข้าวในช่วงไตรมาสแรก และเมื่อปริมาณการส่งออกข้าวเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในช่วงครึ่งปีแรก ในไตรมาสที่สองเวียดนามระงับการทำสัญญาส่งออก หลังจากนั้นจึงเริ่มมาทำสัญญาส่งออกข้าวในช่วงครึ่งหลังปี 2552 กอปรกับการคาดหมายว่าปริมาณการผลิตข้าวของเวียดนามนั้นสูงกว่าที่คาดหมาย ทำให้ภาคเอกชนผู้ส่งออกข้าวของเวียดนามเรียกร้องให้รัฐบาลเวียดนามเพิ่มเป้าหมายการส่งออกเป็น 6.0 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20.0 ของเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ในช่วงต้นปี เมื่อผนวกกับราคาส่งออกข้าวที่อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศผู้ส่งออกข้าวสำคัญอย่างไทย และสหรัฐฯ ทำให้เวียดนามสามารถเบียดแย่งตลาดข้าวส่วนใหญ่ไปได้
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งหลังปี 2552 นี้ผู้ส่งออกข้าวของไทยยังต้องเผชิญการแข่งขันกับอินเดีย ที่คาดว่าจะกลับเข้ามาเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวอีกครั้ง หลังจากในช่วงระยะ 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลอินเดียจำกัดการส่งออกข้าว โดยเฉพาะข้าวที่ไม่ใช่ข้าวบัสมาติ เนื่องจากปริมาณสต็อกข้าวในประเทศเพียงพอกับการรับมือกับภาวะฉุกเฉิน และคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำฝนจากมรสุมนั้นเพียงพอกับการปลูกข้าว ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการผลิตข้าวของอินเดียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งการกลับเข้าตลาดของอินเดียยิ่งจะทำให้การแข่งขันข้าวในตลาดโลกทวีความรุนแรงมากขึ้น
ดังนั้น ในช่วงที่เหลือของปี 2552 ต่อเนื่องถึงปี 2553 ผู้ส่งออกข้าวของไทยคงจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง โดยราคาส่งออกข้าวจึงนับเป็นปัจจัยสำคัญในการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดข้าวโลก ปัจจัยสำคัญที่กำหนดราคาข้าวของไทยนอกจากปริมาณการผลิตแล้ว นโยบายรัฐบาลก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะราคาในการแทรกแซงตลาดข้าวไม่ว่าจะด้วยวิธีการจำนำหรือประกันราคาข้าวก็ตาม เนื่องจากเป็นการกำหนดเกณฑ์ราคาข้าวของไทย รวมทั้งนโยบายการระบายสต็อกข้าว ซึ่งส่งผลทำให้ราคาข้าวของไทยผันผวนได้ในระยะต่อไป
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น