ปัจจุบันไทยส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองจากประเทศฝรั่งเศส และฮังการี โดยตลาดส่งออกที่สำคัญคือ กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป แต่ไทยต้องเผชิญกับปัญหาการเรียกเก็บภาษีการตอบโต้การทุ่มตลาดมาตั้งแต่ปี 2550 ทำให้ไทยต้องเสียเปรียบคู่แข่งที่สำคัญอย่างสหรัฐฯ จีน และบางประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป เนื่องจากผู้ส่งออกของไทยต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ 15.0 รวมกับการเรียกเก็บภาษีเอดีที่อัตราร้อยละ 3.1-12.9 (ทั้งนี้แต่ละบริษัทจะมีอัตราการเรียกเก็บภาษีเอดีที่แตกต่างกันไป)
กทั้งหลังจากที่ประเทศฮังการีได้เข้าไปเป็นหนึ่งในสมาชิกสหภาพยุโรป ส่งผลให้คู่ค้าที่สำคัญของไทยอย่างตลาดสหภาพยุโรปหันไปนำเข้าผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปจากฮังการีเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีคู่แข่งที่สำคัญในกลุ่มสหภาพยุโรป ได้แก่ สวีเดน ฟินแลนด์ อังกฤษ และกรีซ ซึ่งสหภาพยุโรปหันไปนำเข้าผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปจากประเทศเหล่านี้ด้วยกันเองมากขึ้น ส่งผลให้ไทยส่งออกไปยังสหภาพยุโรปลดลง
จากปัญหาดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงเสนอแนวทางที่คาดว่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากปัญหาการเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดของสหภาพยุโรป (AD) คือ ขยายตลาดส่งออกใหม่ โดยผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูป ตลาดส่งออกใหม่ที่น่าสนใจ คือ กลุ่มประเทศยุโรปอื่น ๆ เช่น นอร์เวย์ กลุ่มประเทศเอเชีย เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เช่น อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เลบานอน และคูเวต เนื่องจากประเทศต่าง ๆ เหล่านี้ มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปในอัตราการขยายตัวที่เพิ่มขึ้น
หรับข้าวโพดหวานสดแช่เย็น แช่แข็ง ตลาดส่งออกใหม่ที่น่าสนใจ คือ ซาอุดิอาระเบีย แคนาดา สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และไต้หวัน อีกทั้งผู้ส่งออกของไทยไม่ควรตัดราคาจำหน่ายกันเอง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการขายต่ำกว่าราคาที่กำหนด ทุกฝ่ายควรให้ความร่วมมือปฏิบัติตามข้อตกลงตามที่ได้กำหนดไว้ นอกจากนี้ การแปรรูปข้าวโพดหวานเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ถือเป็นโอกาสในการเพิ่มมูลค่าของตัวผลิตภัณฑ์ เนื่องจากไทยได้เปรียบในเรื่องของต้นทุนการผลิตข้าวโพดหวานซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำกว่า เช่น ครีมข้าวโพด น้ำมันปรุงอาหาร น้ำนมข้าวโพด เป็นต้น และควรมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานให้มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อให้ไทยยังคงเป็นตลาดส่งออกข้าวโพดหวานที่สำคัญของโลกต่อไป
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น