ตั้งแต่ 1 มกราคม 2553 สหภาพยุโรปจะใช้กฎระเบียบป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal Unreported and Unregulated Fishing: IUU Fishing) เนื่องจากสหภาพยุโรปเห็นว่าไม่เป็นธรรมทางการค้ากับผู้ที่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมุ่งเน้นที่จะลดปริมาณการลักลอบจับสัตว์น้ำผิดกฎหมายในน่านน้ำต่างๆ เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์ และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
ตลาดสหภาพยุโรปนับเป็นประเทศคู่ค้าผลิตภัณฑ์ประมงที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 3 ของไทย รองจากสหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยในช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมามูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ประมงของไทยไปยังตลาดสหภาพยุโรปเฉลี่ย 866.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี และมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 24.4 ต่อปี รวมทั้งสหภาพยุโรปนั้นเป็นกลุ่มประเทศที่ไทยมีโอกาสในการเจาะขยายตลาดผลิตภัณฑ์ประมง เนื่องจากสหภาพยุโรปนำเข้าผลิตภัณฑ์ประมงมากเป็นอันดับ 1 ของโลก ในขณะที่สัดส่วนตลาดผลิตภัณฑ์ประมงของไทยยังนับว่าน้อยมาก
ดังนั้นรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งปรับตัวเพื่อรองรับกับกฎระเบียบการนำเข้าผลิตภัณฑ์ประมงใหม่ของสหภาพยุโรป โดยสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการแล้ว คือ การแต่งตั้งกรมประมงเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในการออกใบรับรองสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการต่อไป คือ การขึ้นทะเบียนเรือประมง และปรับปรุงท่าเทียบเรือให้ได้มาตรฐาน รวมทั้ง เร่งทำความเข้าใจกฎระเบียบใหม่นี้สำหรับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ประมงทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อที่จะรักษาสัดส่วนตลาดผลิตภัณฑ์ประมงของสหภาพยุโรปไว้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น