จากการวิเคราะห์ข้อมูลการส่งออกของไทยล่าสุด ที่รายงานโดยกระทรวงพาณิชย์ พบว่า แม้การส่งออกของไทยในเดือนสิงหาคม 2552 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาที่ 13,281 ล้านดอลลาร์ฯ จาก 12,908 ล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (Year-on-Year) มีอัตราการหดตัวชะลอลงมาที่ร้อยละ 18.4 จากร้อยละ 25.7 ในเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากมูลค่าการส่งออกที่ขจัดผลของฤดูกาลออกไป (Seasonally Adjusted) พบว่า การขยายตัวของการส่งออกเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (Month-on-Month) มีทิศทางชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 3 ในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม
แต่ในเดือนสิงหาคมขยายตัวได้เพียงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.5 ยิ่งไปกว่านั้นมูลค่าการส่งออกที่ค่อนข้างดีในเดือนนี้ยังเป็นผลของการส่งออกทองคำที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1,451 โดยหากมองเฉพาะการส่งออกที่ไม่รวมทองคำ พบว่าหดตัวลงร้อยละ 20.2 (YoY) จากที่หดตัวร้อยละ 24.5 ในเดือนก่อนหน้า และมูลค่าการส่งออกไม่รวมทองคำที่ขจัดผลของฤดูกาล กลับลดลงจากเดือนก่อนหน้า (MoM, S.A.) สะท้อนทิศทางการขยายตัวที่ไม่ต่อเนื่อง และบ่งบอกนัยว่าการฟื้นตัวของการส่งออกของไทยอาจไม่รวดเร็วอย่างที่คาดหวังกันไว้ แม้มีโอกาสที่จะปรับตัวดีขึ้น โดยผลของฐานเปรียบเทียบที่ต่ำในปีก่อนหน้า อาจส่งผลให้การขยายตัวของการส่งออกกลับมาเป็นบวกได้ในไตรมาสสุดท้ายก็ตาม
สินค้าที่มีการปรับตัวดีขึ้นในเดือนนี้ ยังคงเป็นกลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์เหล็ก เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง ซึ่งสินค้าส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นนี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการนำเข้าของจีนที่กลับมาเร่งตัวขึ้น โดยการส่งออกไปยังตลาดจีนพลิกกับมาเป็นบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน โดยขยายตัวร้อยละ 1.2 (YoY) อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปยังตลาดกลุ่มประเทศ G-3 คือสหรัฐฯ ยูโรโซน และญี่ปุ่นหดตัวสูงขึ้น
โดยรวมแล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าการส่งออกของไทยในปี 2552 อาจจะหดตัวอยู่ระหว่างร้อยละ 14.5-17.5 ลดลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 15.5 ในปี 2551 แนวโน้มการส่งออกในระยะข้างหน้าต้องติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะเมื่อผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการประเทศต่างๆ เริ่มทยอยหมดลง นอกจากนี้ ประเด็นที่ต้องจับตาที่อาจจะมีผลต่อการส่งออก ที่สำคัญ ได้แก่ แนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาท สถานการณ์ในด้านสภาพคล่องของผู้ประกอบการส่งออก รวมทั้งภาวะตลาดแรงงาน ที่บางอุตสาหกรรมที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น แต่กลับมีปัญหารับแรงงานกลับเข้ามาได้ไม่ทัน
ขณะเดียวกันยังต้องติดตามการใช้มาตรการทางการค้าของประเทศคู่ค้า ดังตัวอย่างกรณีการใช้มาตรการทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยอาจเป็นชนวนนำไปสู่การตอบโต้กันการค้า ซึ่งอาจจะทำลายบรรยากาศทางการค้า และบั่นทอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น