ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา วิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นได้ส่งผลต่อการส่งออกและการจ้างงานของภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทยค่อนข้างมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งส่วนใหญ่ไทยเป็นผู้รับจ้างผลิตเพื่อส่งออก โดยในช่วงจุดต่ำสุดเดือนมกราคม 2552 การส่งออกหดตัวถึงร้อยละ 40.4 (YoY) ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 41 หรือประมาณครึ่งหนึ่งของอัตราการใช้กำลังการผลิตในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก โดยตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 4/2551 ถึงไตรมาสที่ 2/2552 ประเมินว่ามีแรงงานในภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนกว่า 30,000-40,000 คน (ร้อยละ 8-11 ของจำนวนแรงงานประมาณ 3.5 แสนคน)
อย่างไรก็ดี สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปโดยในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่หลังเดือนเมษายนปรากฏว่าคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเริ่มกลับเข้ามา ทำให้สถานประกอบการเริ่มเร่งการผลิตขึ้นและประกาศรับคนงานกลับเข้าทำงานแต่กลับพบว่ามีแรงงานให้ความสนใจไม่มากเท่าที่ควร สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการช่วยเหลือแรงงานของภาครัฐในช่วงก่อน และจากการที่แรงงานส่วนหนึ่งอาจหันไปประกอบอาชีพอิสระแทนหลังการฝึกอาชีพเนื่องจากมองว่าการทำงานในโรงงานมีความไม่มั่นคงสูง ซึ่งจะทำให้สถานประกอบการจะประสบกับภาวะการขาดแคลนแรงงานเพื่อผลิตในระยะสั้นและอาจไม่สามารถรับออเดอร์ที่กลับเข้ามาได้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ โดยรวมทั้งปี 2552 สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าจำนวนผู้ที่มีงานทำในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เฉลี่ยทั้งปีมีแนวโน้มอยู่ในช่วง 320,000-326,000 คน ลดลงประมาณร้อยละ 2-4 จากปี 2551 ที่เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 333,000 คน ส่วนแนวโน้มในปีหน้า คาดว่าน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังโครงการภาครัฐทยอยสิ้นสุดลงและเริ่มมีอุปทานแรงงานใหม่เข้ามาซึ่งน่าจะสอดรับกับการปรับตัวดีขึ้นของอุตสาหกรรมในระยะต่อไป จากการประเมินของศูนย์วิจัยกสิกรไทย มูลค่าส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 อาจขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 3.2 ถึงหดตัวเล็กน้อยในอัตราร้อยละ 2.8 ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่หดตัวไปร้อยละ 26.7 ก่อนจะกลับมาเติบโตในอัตราเลข 2 หลักในปี 2553
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น