ฟิลิปปินส์เปิดประมูลข้าวในวันที่ 30 ตุลาคม 2552 โดยจะเปิดประมูลซื้อข้าว 250,000 ตันเพื่อส่งมอบระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน 2553 ซึ่งเป็นการซื้อข้าวครั้งแรกสำหรับการค้าข้าวในปี 2553 นับว่าเป็นการเปิดนำเข้าข้าวเร็วกว่าปกติถึงสองเดือน เนื่องจากข้าวที่ปลูกในประเทศได้รับความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นหลายลูก กล่าวคือ พื้นที่ปลูกข้าวของฟิลิปปินส์ได้รับผลกระทบประมาณ 500,000 แฮกตาร์(ประมาณ 3.13 ล้านไร่) และปริมาณข้าวเปลือกเกือบ 840,000 ตัน หรือเท่ากับการบริโภคนานกว่า 15 วัน ได้รับความเสียหายเมื่อพายุไต้ฝุ่นกฤษณาและปาร์มาเข้าถล่มเกาะลูซอน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกข้าวสำคัญตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2552
อย่างไรก็ตาม การที่ฟิลิปปินส์กำหนดให้ส่งมอบข้าวตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 เป็นการส่งสัญญาณว่าฟิลิปปินส์ไม่ได้ขาดแคลนข้าวอย่างกะทันหัน แต่รัฐบาลฟิลิปปินส์ต้องการสร้างความมั่นใจว่ามีปริมาณข้าวเพียงพอสำหรับการบริโภคในประเทศก่อนการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม 2553 เนื่องจากหากฟิลิปปินส์ขาดแคลนข้าวก็จะส่งผลกระทบต่อผู้สมัครรับเลือกตั้งของรัฐบาลอย่างรุนแรง
คาดการณ์ว่าในปี 2553 รัฐบาลฟิลิปปินส์อาจจะซื้อข้าว 2.4 ล้านตันสำหรับปี 2553 โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 20.0 การเปิดประมูลข้าวของฟิลิปปินส์มีผลกระตุ้นตลาดข้าวในช่วงปลายปี อย่างไรก็ดี ไม่น่าจะทำให้เกิดการตื่นตระหนกในตลาดข้าวโลกเหมือนปี 2551 เมื่อรัฐบาลฟิลิปปินส์ซื้อข้าวเป็นจำนวนมาก และผู้ผลิตข้าวรายสำคัญของโลก โดยเฉพาะอินเดียและเวียดนามควบคุมการส่งออก ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
ส่วนประเด็นที่ต้องจับตามองตลาดข้าวฟิลิปปินส์ในปี 2553 คือ กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯคาดการณ์ว่าฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าวเพิ่มเป็น 2.4 ล้านตันหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.0 เมื่อเทียบกับปี 2552 ดังนั้น ตลาดข้าวฟิลิปปินส์จึงยังคงเป็นตลาดที่น่าจับตามองสำหรับผู้ส่งออกข้าวไทย โดยยังคงต้องติดตามผลการเจรจาในการเปิดเสรีตลาดข้าวของฟิลิปปินส์ภายใต้ข้อตกลงอาฟตาต่อไป
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น