อุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์พืชของไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ทั้งจากสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย และมีผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับปรุงพันธุ์พืชโดยเฉพาะกลุ่มพืชไร่ และพืชผักเขตร้อนที่มีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และจากการที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมเมล็ดพันธุ์แห่งเอเชียแปซิฟิกครั้งที่ 15 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 8-12 พฤศจิกายน 2552 นี้
คาดว่า จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์พืชไทย และเปิดโอกาสให้เมล็ดพันธุ์พืชไทยเป็นที่ยอมรับ และก้าวสู่การเป็นฮับเมล็ดพันธุ์พืชของภูมิภาคอาเซียน แต่อย่างไรก็ตาม ไทยควรตระหนักอยู่เสมอว่าในช่วงที่เรากำลังพัฒนาอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์พืชอยู่นั้น ประเทศอื่น ๆ ก็กำลังพัฒนาอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์พืชด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่แข่งที่สำคัญอย่างจีน
ดังนั้น เพื่อให้ไทยสามารถแข่งขันและก้าวไปสู่การเป็นฮับเมล็ดพันธุ์ได้ ไทยจะต้องมีการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์เมล็ดพันธุ์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง มีการพัฒนาห้องปฏิบัติการตรวจสอบเมล็ดพันธุ์ให้เข้าสู่ระบบมาตรฐานสากล มีการพัฒนาบุคลากร และโครงสร้างพื้นฐานอยู่เสมอ รวมถึงการมีเครื่องหมายการค้าเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ อุปสรรคสำคัญในการเป็นฮับเมล็ดพันธุ์ของไทย คือ ปัญหาการละเมิดสิทธิ์เมล็ดพันธุ์ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อภาคการเกษตรของประเทศอย่างมาก ดังนั้น ภาครัฐจึงควรเร่งออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์พืชให้มีการดำเนินการอย่างถูกต้อง เป็นระบบ จนเป็นที่ยอมรับในระดับสากลเพื่อผลประโยชน์ของประเทศในระยะยาว
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น