สถานการณ์ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังพลิกจากที่เคยคาดว่าจะเกิดปัญหาล้นตลาด จากการที่โครงการประกันรายได้เกษตรกรตั้งราคาประกันไว้สูงถึง 1.70 บาทต่อกิโลกรัม นับว่าจูงใจให้เกษตรกรขยายการผลิต ในขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเผชิญปัญหาการแข่งขันอย่างรุนแรงจากเวียดนาม โดยเฉพาะในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญอันดับหนึ่งของไทย ปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานการณ์พลิกผัน คือ การแพร่ระบาดในวงกว้างของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมาก โดยล่าสุดมีการประเมินกันว่าปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังในปี 2552/53 จะลดลงถึงร้อยละ 30.0 เหลือเพียง 19.43 ล้านตัน ส่งผลให้คาดการณ์ว่าจะเกิดปํญหาผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไม่เพียงพอกับความต้องการ ผลักดันให้ราคาผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่ใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบที่อาจต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งในที่สุดก็ส่งกระทบถึงผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทย ที่กำลังเผชิญการแข่งขันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะจากเวียดนาม ที่ใช้กลยุทธ์ราคาที่ต่ำกว่าเป็นปัจจัยในการเจาะขยายตลาดส่งออก ทำให้คาดการณ์ว่าไทยอาจต้องชะลอการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และต้องหันไปนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ราคาผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจะยืนอยู่ในระดับสูงได้นานเท่าใดนั้นจะยังคงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ การปรับตัวของราคาสินค้าเกษตรที่ใช้ทดแทนผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เนื่องจากบรรดาอุตสาหกรรมที่มีแผนจะใช้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังต่างหันไปใช้วัตถุดิบอื่นทดแทน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเอทานอล และอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ต้องล้มเลิกแผนที่วางไว้ว่าจะใช้มันสำปะหลังมาทดแทนวัตถุดิบที่ใช้อยู่เดิมคือ กากน้ำตาล และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สำหรับผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ซึ่งยังต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากเวียดนาม ก็ต้องเผชิญกับปัญหาที่ราคาผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้ผู้นำเข้า โดยเฉพาะจีน ต้องเปรียบเทียบราคาแป้งมันสำปะหลังกับแป้งข้าวโพดที่เป็นสินค้าที่ใช้ทดแทนกันได้ นอกจากนี้ การระบายสต็อกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของรัฐบาล และการเพิ่มปริมาณการนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นปัจจัยที่จะกดดันไม่ให้ราคาผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังได้ ซึ่งปัจจัยต่างๆเหล่านี้ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น