ในปี 2553 ธุรกิจกุ้งของไทยจะมีแนวโน้มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ และกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์กุ้งฟื้นตัวตามไปด้วย ส่งผลทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งของไทยจะยังคงปริมาณการผลิตกุ้งไว้ในระดับที่ใกล้เคียงกับในปี 2552 ส่วนในการส่งออกผลิตภัณฑ์กุ้งคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากในปี 2552 แต่ยังคงคาดว่าอัตราการขยายตัวจะไม่พุ่งสูงขึ้นมากนัก เนื่องจากคาดการณ์ว่าการแข่งขันในตลาดโลกมีแนวโน้มรุนแรง และอัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์กุ้งที่สำคัญก็มีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยคาดการณ์ว่าปี 2552 มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์กุ้งจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,370 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับปี 2551 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 สำหรับปี 2553 คาดว่ามูลค่าน่าจะเพิ่มขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 เนื่องจากคาดการณ์ว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์กุ้งจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่ส่งผลทำให้กำลังซื้อมีแนวโน้มดีขึ้นตามไปด้วย
หากความต้องการผลิตภัณฑ์กุ้งของตลาดดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แนวโน้มราคาปี 2553 อาจจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 หรือไปแตะที่ระดับเกือบ 190 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้คาดหมายว่ารัฐบาลอาจจะไม่ต้องเข้ามาดำเนินมาตรการแทรกแซงตลาด โดยการรับจำนำกุ้งเช่นเดียวกับที่ได้ดำเนินการในช่วงปี 2551 และปี 2552
ประเด็นที่ยังต้องติดตามในปี 2553 คือ ความผันผวนของการผลิตอันเนื่องจากภาวะโรคระบาดและสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ซึ่งจะส่งผลต่อสภาพการแข่งขันและราคากุ้งทั้งในตลาดโลกและในประเทศ การควบคุมต้นทุนการผลิตกุ้งของไทย โดยเฉพาะต้นทุนด้านอาหารสัตว์ ทั้งนี้ เพื่อความได้เปรียบท่ามกลางภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดโลก การเจรจายกเลิกการเก็บภาษีเอดีกับสหรัฐฯทั้งนี้เพื่อทำให้สภาพการแข่งขันของไทยในตลาดสหรัฐฯดีขึ้น การแก้ข้อกล่าวหาในเรื่องการใช้แรงงานเด็ก ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ประเทศผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์กุ้งใช้เป็นข้ออ้างในการกีดกันการนำเข้า การตรวจสอบด้านสังคม โดยเฉพาะการปฎิบัติต่อคนงาน และการรักษาสภาพแวดล้อมรอบโรงงาน รวมไปถึงประเด็นเรื่องการผลิตกุ้งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงการช่วยลดโลกร้อน ซึ่งเป็นประเด็นที่จะพิจารณาในการนำเข้าผลิตภัณฑ์ด้วย นอกจากประเด็นในด้านสุขอนามัยและคุณภาพของผลผลิตภัณฑ์ และผลกระทบจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียนที่อาจจะเกิดการนำเข้ากุ้งจากประเทศเพื่อนบ้านมาส่งออกในนามผลิตภัณฑ์กุ้งจากไทย ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของผลิตภัณฑ์กุ้งของไทยในระยะยาว
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น