การเปิดเสรีตามความตกลง FTA ของอาเซียนที่มีอัตราภาษีสินค้าปกติลดลงเหลือร้อยละ 0 ในวันที่ 1 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคธุรกิจในอาเซียนสามารถใช้ประโยชน์จากการนำเข้าวัตถุดิบ/สินค้ากึ่งสำเร็จรูปภายในกลุ่มด้วยต้นทุนที่ลดลง และเป็นการดึงดูด FDI ให้เข้ามาจัดตั้งฐานการผลิตในอาเซียนและไทยมากขึ้น เพื่อประโยชน์จากการใช้วัตถุดิบในอาเซียนและสามารถส่งออกไปยังประเทศอาเซียนอื่นๆ ที่เหลือ รวมทั้งประเทศนอกกลุ่มอาเซียนที่จัดทำความตกลง FTA กับอาเซียน ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยได้รับประโยชน์จากการลดภาษีภายใต้กรอบ FTA ต่างๆ ซึ่งทำให้ตลาดส่งออกขยายกว้างขวางมากขึ้น
ส่วนความตกลง FTA ระหว่างอาเซียนและจีนก็มีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก โดยอัตราภาษีสินค้าปกติ สัดส่วนร้อยละ 90 ของสินค้าทั้งหมดมีภาษีเหลือร้อยละ 0 ในวันที่ 1 มกราคม 2553 คาดว่าจะดึงดูดให้นักลงทุนจีนเข้ามาจัดตั้งฐานการผลิตในอาเซียนและไทยมากขึ้นโดยอาศัยประโยชน์จากการนำเข้าวัตถุดิบภายในกลุ่มอาเซียนที่ภาษีเป็นร้อยละ 0 และผลิตส่งออกกลับไปจีนซึ่งมีความต้องการใช้ภายในแต่ผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ เช่น การเข้ามาลงทุนผลิตผลิตภัณฑ์ยางในไทยและส่งออกกลับไปจีนจึงไม่เสียภาษี ขณะที่การนำเข้ายางพาราจากไทยเพื่อผลิตในจีนยังกำหนดภาษีในระดับสูง
อุตสาหกรรมไทยที่มีศักยภาพและน่าจะได้รับผลดีจากการลด/ยกเลิกภาษีสินค้าขั้นต้นและกึ่งวัตถุดิบ ที่สำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม ยานยนต์ และคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ภาคเกษตรของไทยต้องได้รับผลกระทบจากสินค้านำเข้าที่เข้าสู่ตลาดไทยได้มากขึ้นเช่นกัน สำหรับผลดีจากการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าอาเซียนนั้น แม้ไทยถือเป็นประเทศหนึ่งในอาเซียนที่มีศักยภาพในการผลิตภาคอุตสาหกรรมหลายสาขาที่นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุน แต่ไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศกับประเทศอาเซียนอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ไทยต้องเผชิญปัญหาภายในจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและปัญหามาบตาพุดที่ส่งผลให้บรรยากาศความน่าลงทุนของไทยลดลงในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะปัญหามาบตาพุดที่ถือเป็นโจทย์ท้าทายสำคัญที่ทางการไทยควรพิจารณาเร่งดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น