ในปี 2553 นี้ สภาพอากาศที่แปรปรวน ประกอบกับปัญหาภัยแล้งถือเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตผลไม้ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน มังคุด และเงาะ โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคม-เดือนกรกฎาคม ซึ่งถือเป็นช่วงฤดูกาลของผลไม้เหล่านี้ ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้พอสมควร เนื่องจาก ทำให้คุณภาพของผลผลิตที่ออกมาไม่ได้มาตรฐานตามความต้องการ ส่งผลให้ราคาตกต่ำ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ไทยยังเป็นประเทศส่งออกผลไม้ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะผลไม้เขตร้อนไม่ว่าจะเป็นทุเรียน มังคุด และเงาะ ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในเรื่องของรสชาติซึ่งเป็นที่โปรดปรานของผู้บริโภคต่างประเทศ ดังนั้น จึงเชื่อว่า ฤดูกาลผลไม้ของไทยในปีนี้ ยังคงมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามา อีกทั้งอานิสงส์จากการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน คาดว่า ไทยจะมีโอกาสในการขยายการส่งออกผลไม้ไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มมากขึ้น
และหากไทยยังต้องการรักษาตำแหน่งการส่งออกผลไม้อันดับต้นๆ ของโลกนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ผู้ประกอบการ เกษตรกร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกันวิจัย และพัฒนาคุณภาพของผลไม้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลไม้ที่มีคุณภาพ และมาตรฐานตามสากล ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกพันธุ์ การบริหารจัดการกระบวนการผลิต การตลาด รวมไปถึงเทคโนโลยีในการแปรรูป เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกรไทย และยังเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น