Display mode (Doesn't show in master page preview)

11 สิงหาคม 2553

การค้า

การค้าชายแดนครึ่งหลังปี 2553 ... แนวโน้มยังเติบโตได้ แต่ยังอาจเผชิญอุปสรรค (มองเศรษฐกิจฉบับที่ 2904)

คะแนนเฉลี่ย

การค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ สาเหตุหนึ่งเนื่องจากการพึ่งพาการค้าชายแดนระหว่างกันที่อยู่ในระดับสูง และเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้านที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้ความต้องการนำเข้าจากไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ อีกปัจจัยหนุนประการหนึ่งที่สำคัญ ได้แก่ อานิสงส์จากการปรับลด/ยกเลิกภาษีภายใต้ความตกลง FTA ของอาเซียน (AFTA) โดยเฉพาะไทยกับมาเลเซียที่ถือเป็นประเทศสมาชิกเดิมของอาเซียนต้องลดภาษีสินค้าปกติเหลือร้อยละ 0 ตั้งแต่ต้นปี 2553 ส่วนพม่า ลาว และกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน มีกำหนดการปรับลดภาษีสินค้าปกติเหลือร้อยละ 0-5 ตั้งแต่ต้นปีนี้ การปรับลด/ยกเลิกภาษีภายใต้ AFTA จึงยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้การส่งออกของไทยไปประเทศเพื่อนบ้านขยายตัวดีขึ้น ขณะที่การนำเข้าสินค้าวัตถุดิบ/สินค้าขั้นกลางของไทยจากประเทศเหล่านี้ก็น่าจะได้แรงกระตุ้นจากการปรับลด/ยกเลิกภาษีที่ทำให้ราคาสินค้านำเข้าต่ำลง ส่งผลดีต่อภาคธุรกิจไทยที่มีต้นทุนวัตถุดิบต่ำลงด้วย

กล่าวได้ว่าอานิสงส์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านและไทย รวมทั้งการลด/ยกเลิกภาษีภายใต้ความตกลง AFTA น่าจะช่วยให้มูลค่าการค้าชายแดนของไทยกับมาเลเซีย ลาว พม่า และกัมพูชา ขยายตัวได้ต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยคาดว่ามูลค่าการค้าชายแดนของไทยในปี 2553 น่าจะใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ทางการไทยตั้งไว้ที่ 7 แสนล้านบาท จากช่วงครึ่งแรกของปีที่มีมูลค่าการค้าชายแดน 3.88 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 55 ของเป้าหมายทั้งปี 2553 อย่างไรก็ตาม ปัจจัย ท้าทายสำคัญของการค้าชายแดนไทย ได้แก่ การปิดด่านของทางการพม่าด้านชายแดนแม่สอด-เมียวดี แต่คาดว่าการปิดด่านของพม่าไม่น่าจะกินระยะเวลานานนัก เนื่องจากผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชนพม่าที่อาจต้องเผชิญกับราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากการขาดแคลนสินค้าที่พม่าพึ่งพาการนำเข้าทางชายแดนจากไทยค่อนข้างสูง รวมถึงความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาที่อาจเป็นปัจจัยกดดันต่อการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงที่เหลือของปีนี้ที่ยังคงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


การค้า