การส่งออกของไทยไปสหภาพยุโรป (EU27) ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2553 กลับมาขยายตัวได้ร้อยละ 24.1 (YoY) หลังจากที่หดตัวร้อยละ 30.5 (YoY) ในช่วงเดียวกันของปี 2552 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญ คือ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศยุโรปที่ขยายตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 รวมทั้งทิศทางการฟื้นตัวในช่วงครึ่งแรกปี 2553 ของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของสหภาพยุโรป ตลาดส่งออกสำคัญของไทยในสหภาพยุโรปส่วนใหญ่เป็นประเทศเศรษฐกิจหลักของสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี และสหราชอาณาจักร สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี 2553 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การส่งออกของไทยไปตลาดสหภาพยุโรปอาจอ่อนแรงลง เนื่องจากเศรษฐกิจสหภาพยุโรปเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ไม่ชัดเจนนัก อีกทั้งยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ โดยเฉพาะกลุ่ม PIIGS ขณะที่ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุด 4 อันดับแรกของสหภาพยุโรปและเป็นตลาดหลักในการขับเคลื่อนภาคการส่งออกของไทยในตลาดยุโรปก็มีการคาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของทั้ง 4 ประเทศดังกล่าวอาจมีแนวโน้มชะลอตัวลงในครึ่งหลังปี 2553 นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงด้านเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องและแข็งค่ากว่าเงินสกุลอื่นหลายสกุลในภูมิภาคโดยเปรียบเทียบ ก็อาจส่งผลบั่นทอนต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าส่งออกของไทยพอสมควร จึงมีความเป็นไปได้ว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยไปยังตลาดสหภาพยุโรปทั้งปี 2553 อาจเพิ่มขึ้นเพียงประมาณร้อยละ 10-15 โดยสินค้าส่งออกของไทยไปยุโรปที่มีแนวโน้มจะต้องเผชิญความยากลำบากในการส่งออกมากขึ้น อาทิ สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ และเสื้อผ้าสำเร็จรูป ซึ่งเป็นสินค้าที่อาศัยกำลังซื้อและความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจระดับหนึ่ง ขณะที่สินค้าจำเป็นกลุ่มอาหารน่าจะยังขยายตัวต่อไปได้ ท่ามกลางภาวะการแข่งขันในตลาดสหภาพยุโรปที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงควรมีการปรับกลยุทธ์ด้านการตลาดและรูปแบบสินค้า เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดยุโรปมากขึ้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น