เทศกาลไหว้พระจันทร์ ได้เวียนมาถึงอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 22 กันยายน 2553 และเป็นช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการขนมไหว้พระจันทร์ ทั้งที่เป็นผู้ผลิตรายดั้งเดิม และผู้ประกอบการรายใหม่ อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจขายตรง ร้านกาแฟ เบเกอรี่ รอคอยที่จะได้ผลิตสินค้าออกมาจำหน่ายในช่วงระยะเวลาประมาณ 1 เดือนก่อนเทศกาลจะมาถึง โดยในปีนี้ ถึงแม้ว่าภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 จะสามารถฟื้นตัวขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยมีอัตราการขยายตัวในระดับสูงถึงร้อยละ 10.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (Year-on-Year) แต่จากการที่ภาคประชาชนยังคงมีความระมัดระวังการใช้จ่ายอยู่ค่อนข้างมาก อันเป็นผลจากค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน ตลอดจนสินค้าประเภทต่างๆที่ทะยอยปรับราคาขึ้นไป โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพในหมวดอาหารสด อาทิ ผักและผลไม้ ข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาวะดินฟ้าอากาศ ทั้งภัยแล้งและฝนตกหนักในบางช่วง และจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้กำลังซื้อของประชาชนยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ภาคประชาชนจึงยังคงมีพฤติกรรมประหยัด คิดก่อนที่จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ดังนั้น จึงคาดว่า ตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในปี 2553 นี้ จะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 550-600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีที่แล้วร้อยละ 5-10 อันเป็นผลจากการปรับราคาจำหน่ายตามต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการต้องการกระตุ้นตลาดขนมไหว้พระจันทร์ให้คึกคักเพิ่มขึ้น สิ่งสำคัญในเบื้องต้นก็คือ การเพิ่มความเข้มข้นจัดกิจกรรมการตลาดผ่านสื่อต่างๆ ในขณะเดียวกัน ก็ควรจัดกิจกรรมขยายตลาดไปสู่กลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจให้มากขึ้น เนื่องจากกลุ่มนี้ถือว่าได้รับผลดีจากภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกปี 2553ขยายตัวดี และเป็นกลุ่มที่มีปริมาณการซื้อแต่ละครั้งค่อนข้างสูง
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น