อาเซียนถือเป็นภูมิภาคหนึ่งที่เป็นเป้าหมายการลงทุนของต่างชาติที่ได้ปัจจัยหนุนจากการจัดทำความตกลง FTA หลายฉบับของอาเซียน ทั้ง FTA ภายในอาเซียน (AFTA/AEC) และ FTA ที่อาเซียนจัดทำกับประเทศต่างๆ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เพราะการเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยและอาเซียนอื่นๆ ผู้ประกอบการจะสามารถใช้วัตถุดิบภายในอาเซียนได้โดยแทบไม่เสียภาษี และส่งออกไปยังอาเซียนและประเทศคู่เจรจา FTA โดยได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ความตกลง FTA กรอบต่างๆ ประกอบกับด้วยการที่ค่าเงินเยนและเงินหยวนที่ได้มีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ก็อาจจะเป็นแรงผลักดันให้ทั้งญี่ปุ่นและจีนมีการเร่งขยายการลงทุน หรือออกไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในอาเซียนที่ถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของญี่ปุ่นและญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้มากที่สุดเหนือประเทศอื่นๆ ขณะที่จีนเองก็ได้มีการพัฒนาเส้นทางคมนาคมขนส่งเชื่อมโยงในภูมิภาคอินโดจีนหลายเส้นทาง ที่คาดว่าจะช่วยให้การเข้ามาลงทุนของจีนในไทยและส่งออกกลับไปจีนตอนใต้มีความสะดวกและย่นระยะเวลาขนส่งมากขึ้น จึงเป็นไปได้ว่าแนวโน้มการเข้ามาลงทุนของจีนในไทยและอาเซียนจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่อาจกดดันบรรยากาศด้านการลงทุนของไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ได้แก่ การแก้ไขปัญหากรณีมาบตาพุด และสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งที่กำหนดจัดขึ้นในปี 2554 ที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น