Display mode (Doesn't show in master page preview)

15 ตุลาคม 2553

การค้า

เศรษฐกิจยุโรป...มีปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า อาจกระทบส่งออกไทยปี ’54 ชะลอลง (มองเศรษฐกิจฉบับที่ 2958)

คะแนนเฉลี่ย

เศรษฐกิจสหภาพยุโรปและกลุ่มยูโรโซนน่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 1.7 ในปี 2553 โดยได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 4 อันดับแรกของสหภาพยุโรป ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และอิตาลี สำหรับปี 2554 คาดว่าเศรษฐกิจสหภาพยุโรปจะขยายตัวได้ราวร้อยละ 1.7 เนื่องจากประเทศยุโรปหลายประเทศ อาทิ ฮังการี โรมาเนีย และบัลแกเรีย น่าจะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้หลุดพ้นภาวะตกต่ำและฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจกลุ่มยูโรโซนอาจขยายตัวในอัตราต่ำกว่าสหภาพยุโรป จากฐานเปรียบที่ค่อนข้างสูงในปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีปัจจัยบั่นทอนการฟื้นตัวหลายด้าน ทั้งปัญหาหนี้สาธารณะระดับสูงในกลุ่ม PIIGS และอีกหลายประเทศในยุโรป โดยเฉพาะไอร์แลนด์และโปรตุเกส ที่ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินในการระดมทุนของรัฐบาลประเทศต่างๆพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่นโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาลประเทศต่างๆ ที่เน้นลดค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการแรงงานภาครัฐเป็นสำคัญ ยังซ้ำเติมปัญหาการว่างงานที่เพิ่มขึ้นและอยู่ในระดับสูง ทำให้อาจไม่สามารถฟื้นตัวในเวลาอันใกล้ได้ นอกจากนี้ ภาคการผลิตของตลาดยุโรปยังค่อนข้างเปราะบาง โดยผู้ผลิตยังคงอาศัยสินค้าคงคลังเดิมและยังไม่มีการเพิ่มสต็อกสินค้าคงคลังมากนัก ซึ่งสะท้อนสัญญาณต่อเนื่องว่าภาคการส่งออกของไทยอาจประสบภาวะชะลอตัวด้านการส่งออกตามมา อีกทั้งยังมีปัจจัยเสี่ยงจากภาวะเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง ทำให้ความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทยลดลง และผู้ประกอบการไทยจะมีรายรับเป็นสกุลเงินบาทลดลง ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าแนวโน้มการส่งออกของไทยไปตลาดยุโรปน่าจะขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 12-15 ในปี 2553 และอาจชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 6-10 ในปี 2554 โดยสินค้าหลายรายการอาจเผชิญแรงกดดันพอควร ทั้งสินค้าขั้นกลางและวัตถุดิบรองรับการผลิตภาคอุตสาหกรรมของยุโรป รวมถึงสินค้ารองรับตลาดผู้บริโภค ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรติดตามภาวะเศรษฐกิจยุโรปและแนวโน้มค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงินได้ทันกาล

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


การค้า