ส่งออกไปจีนเดือน ก.ย. : ทำสถิติมูลค่าสูงสุด…สอดคล้องการบริโภคที่แข็งแกร่งของจีน (มองเศรษฐกิจฉบับที่ 2973)

ทิศทางการค้าระหว่างไทยและจีนในเดือนกันยายนสอดคล้องกับตัวเลขดัชนีเศรษฐกิจจีนในเดือนกันยายนทั้งในส่วนของภาคการผลิตและภาคการบริโภคที่ยังคงบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนไม่ได้ชะลอตัวรุนแรงอย่างที่หวั่นเกรงกัน โดยการส่งออกของไทยไปจีนในเดือนกันยายน 2553 สามารถทำสถิติมูลค่ารายเดือนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,898.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่อัตราการเติบโตก็กลับมาขยายตัวต่อเนื่องในระดับร้อยละ 29.3 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากที่เติบโตร้อยละ 22.2 (YoY) ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นเดือนที่ไทยเสียเปรียบดุลการค้าให้แก่จีนต่ำสุดในรอบ 6 เดือนด้วย

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังสำหรับความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจจีนในระยะข้างหน้าที่อาจมีผลต่อภาคการส่งออกของไทยไปจีนนับจากนี้ คือการปรับนโยบายภาครัฐในกรณีที่อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความเสี่ยงที่รัฐบาลท้องถิ่นไม่สามารถไถ่ถอนหนี้พันธบัตรของตัวเอง ซึ่งจะทำให้เป็นหนี้ที่อาจกลายเป็นปัญหาในอนาคตได้ แม้ว่าในที่สุดแล้วรัฐบาลกลางของจีนก็จะเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดดั่งเช่นที่เคยทำมาแล้วในอดีตก็ตาม แต่ก็อาจจะบั่นทอนความสามารถในการขยายตัวทางเศรษฐกิจของพื้นที่บางแห่งในจีนบ้างพอสมควร ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงประเมินว่าการอัตราการเติบโตของการส่งออกไทยไปจีนในปี 2553 น่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 30 และอาจจะแผ่วลงเล็กน้อยมาที่ร้อยละ 10-20 ในปี 2554 แต่ขณะเดียวกันก็ต้องติดตามปัจจัยด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อาจจะพุ่งสูงขึ้นได้อีก เนื่องจากเงินดอลลาร์ที่ยังมีทิศทางอ่อนค่าด้วย ที่อาจกระตุ้นการขยายตัวของการส่งออกสินค้าบางรายการของไทยเช่น ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพื่อใช้ในการผลิตพลังงานทดแทน ยางพาราและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งก็จะมีผลให้อัตราการเติบโตของการส่งออกไทยไปจีนปรับตัวดีเกินคาดการณ์ได้