การส่งออกของไทยไปจีนในเดือนตุลาคม 2553 ยังคงพุ่งทะยานทำสถิติมูลค่ารายเดือนสูงสุดที่ 1,900.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เหนือเดือนกันยายนที่ผ่านมา และแม้อัตราการเติบโตจะชะลอตัวลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 27 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากที่เติบโตร้อยละ 29.3 (YoY) ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่เมื่อเทียบกับตลาดส่งออกสำคัญอย่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป(27) และอาเซียนที่ต่างชะลอตัวแรงกว่า ย่อมสะท้อนถึงสถานการณ์ที่ดีของภาคการส่งออกของไทยไปจีน และน่าจะเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญต่อภาคการส่งออกของไทยในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2553 รวมไปถึงปี 2554 ด้วย เพราะไทยเป็นเครือข่ายการผลิตที่ใกล้ชิดกับจีน เป็นแหล่งนำเข้าวัตถุดิบ/สินค้าทุนที่มีคุณภาพ อีกทั้งยังเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคจีนที่นับวันจะมีจำนวนผู้มีกำลังซื้อสูงเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การที่เศรษฐกิจจีนยังคงร้อนแรง ทำให้เงินทุนจากต่างประเทศหลั่งไหลสู่จีนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในตลาดเงินและตลาดทุน ส่งผลให้จีนต้องเผชิญความท้าทายจากภาวะอัตราเร่งของเงินเฟ้อและภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ จึงมีความเป็นไปได้ว่าเศรษฐกิจในอนาคตอาจลดความร้อนแรงลงบ้าง เพราะทางการจีนอาจออกมาตรการคุมเข้มสภาพคล่องทางการเงินตามมาอีกในระยะข้างหน้า เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และลดโอกาสการเกิดภาวะการชะลอตัวอย่างรุนแรงลง ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงยังคงประมาณการอัตราการเติบโตของการส่งออกไทยไปจีนในปี 2553 ไว้ที่ระดับร้อยละ 30 และชะลอตัวลงมาอยู่ที่ร้อยละ 10-20 ในปี 2554
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น