ราคายางที่ดิ่งลงอย่างมากในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2554 เนื่องจากการชะลอการซื้อของตลาดจีนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หลังเทศกาลตรุษจีน ทั้งนี้เพื่อรอดูทิศทางของราคายาง และจีนหันไปใช้ยางในสต็อกแทน รวมทั้งความวุ่นวายในตะวันออกกลางและแอฟริกา ที่ส่งผลกระทบทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น สร้างความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งในที่สุดก็จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้ยาง อย่างไรก็ตาม ภัยพิบัติในญี่ปุ่น ที่ส่งผลให้โรงงานผลิตรถยนต์สำคัญต้องหยุดการผลิตชั่วคราว ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาอย่างรุนแรงต่อราคายาง แต่หลังจากภาวะตื่นตระหนกคลายลง ราคายางก็ดีดกลับขึ้นมาสู่ภาวะปกติ ประเด็นที่ต้องติดตาม คือ ราคายางในช่วงที่เหลือของปี 2554 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่ามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปถึงช่วงไตรมาส 3/54 โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่ปริมาณยางที่ออกสู่ตลาดลดลงจากการเข้าสู่ฤดูการยางผลัดใบสำหรับประเทศไทย และสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยสำหรับอินโดนีเซีย รวมทั้งคาดการณ์ว่าจีนจะกลับเข้ามาซื้อยาง อันเป็นผลจากสต็อกยางของจีนเริ่มลดลง ซึ่งการเข้ามาซื้อยางของจีนนับว่าเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลทำให้ราคายางในประเทศมีแนวโน้มผันผวนขึ้นลงตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้ อย่างไรก็ตาม ในข่วงไตรมาสสุดท้าย ซึ่งช่วงฤดูการผลิตยางของไทย ราคาอาจจะมีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากมีผลผลิตเข้าสู่ตลาด อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าราคาเฉลี่ยยางแผ่นรมควันชั้น 3 ทั้งปี 2554 น่าจะยังอยู่ในระดับ 120-130 บาท/กก. เมื่อเทียบกับปี 2553 แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3-17.3
ประเด็นที่ยังต้องติดตาม คือ มาตรการของรัฐบาลจีนที่ส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายรถยนต์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้จีนมีความต้องการยางลดลง และการกลับเข้ามาซื้อยางอีกครั้งของจีน จีนจะเลือกซื้อจากประเทศใด เนื่องจากการแข่งขันในตลาดจีน มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะจากเวียดนาม ซึ่งมีนักลงทุนจีนเข้าไปลงทุนปลูกยางในเวียดนาม และราคาเฉลี่ยนำเข้ายางจากไทยอยู่ในเกณฑ์สูงกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะยางคอมปาวน์
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น