ความปั่นป่วนทางการเมืองในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีของไนจีเรียในช่วงที่ผ่านมาเป็นประเด็นที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจ เพราะไนจีเรียเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่สำคัญอันดับ 13 ของโลก และยังเป็นสมาชิกในกลุ่ม OPEC มีปริมาณการผลิตน้ำมันกว่าร้อยละ 7.8 ของกำลังการผลิต OPEC หรือร้อยละ 3.3 ของกำลังการผลิตโลก ซึ่งปัญหาภายในไนจีเรียแม้ไม่รุนแรงนักภายหลังวันเลือกตั้งประธานาธิบดีไนจีเรียเมื่อวันที่ 16 เมษายน แต่ก็ยังเป็นความท้าทายของรัฐบาลชุดใหม่ที่ต้องเร่งหาทางประนีประนอม ความตึงเครียดในพื้นที่ผลิตน้ำมันบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์(Niger river delta) เพราะหากเหตุการณ์ปะทุไปในทิศทางที่รุนแรงอาจมีผลกดดันให้ระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกเร่งตัวสูงขึ้น ซ้ำเติมวิกฤตน้ำมันที่ทั่วโลกกำลังเผชิญในปัจจุบันจนอาจมีผลกระทบต่อกิจกรรมภาคการผลิตในตลาดโลก อันจะมีส่วนทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยอาจจะต้องเผชิญความท้าทายอีกระลอกทั้งจากภาวะต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นและความต้องการในตลาดโลกที่ชะลอตัวลงจนส่งผลต่อภาคการส่งออกของไทยตามมาได้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า แม้ว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าของไทยกับไนจีเรียมีค่อนข้างน้อย โดยไทยส่งออกไปไนจีเรียคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.48 ของการส่งออกทั้งหมดของไทย แต่ในขณะเดียวกันไนจีเรียก็นับเป็นตลาดสำคัญของการส่งออกข้าวไทย ที่ก้าวกระโดดมาเป็นตลาดส่งออกข้าวอันดับ 1 ของไทย โดยมีสัดส่วนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 นับตั้งแต่ในปี 2551 เป็นต้นมา(จากสัดส่วนร้อยละ 3.1 ในปี 2550) ดังนั้น สถานการณ์ความเคลื่อนไหวในไนจีเรียจึงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดพอสมควร เพราะอาจส่งผลกระทบต่อภาคการค้าระหว่างไทยกับประเทศในแถบแอฟริกา โดยเฉพาะการส่งออกข้าวของไทยที่อาจมีอุปสรรคจากความไม่สงบที่เกิดขึ้นทั้งในไนจีเรียและโกตดิวัวร์(Ivory Coast) ที่ต่างก็เป็นตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทยในแอฟริกา อย่างไรก็ตาม คาดว่าการส่งออกข้าวไปยังไนจีเรียจะเติบโตได้ต่อเนื่องเพราะข้อจำกัดด้านการผลิตข้าวของไนจีเรีย ประกอบกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลจากความตกลงทางการค้าข้าวระหว่างไทยกับไนจีเรีย มีส่วนช่วยขับเคลื่อนให้สินค้าข้าวไทยมีโอกาสเติบโตได้เหนือคู่แข่งอย่างอินเดีย นอกจากนี้ ทิศทางการเติบโตของข้าวไทยในตลาดแอฟริกาอื่นๆหลายตลาดยังคงมีโอกาสเติบโตที่ดีไม่ว่าจะเป็นประเทศกานา เบนิน แคเมอรูน และเซเนกัล ทำให้ตลาดแอฟริกายังคงเป็นตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทย
สำหรับสินค้าอื่นๆของไทยก็ยังเป็นที่ต้องการในไนจีเรียเพราะศักยภาพการผลิตของไนจีเรียค่อนข้างจำกัดจึงต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าหลายชนิดเพื่อการผลิตและการบริโภคในประเทศ โดยสินค้าสำคัญอื่นๆของไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเมื่อสถานการณ์ภายในประเทศไนจีเรียก้าวเดินต่อไปอย่างราบรื่น ได้แก่ เม็ดพลาสติก เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น