ทิศทางการค้าระหว่างไทยและจีนในเดือนกรกฎาคม 2554 สอดคล้องกับตัวเลขดัชนีเศรษฐกิจจีนในภาคการบริโภคที่ยังคงบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนไม่ได้ชะลอตัวรุนแรงอย่างที่หวั่นเกรงกัน โดยการส่งออกของไทยไปจีนสามารถทำลายสถิติมูลค่ารายเดือนสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกแล้วที่มูลค่า 3,109 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยอัตราการเติบโตร้อยละ 83.8 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ 25.6 ในเดือนก่อนหน้า ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากการที่แหล่งผลิตกระดาษของจีนในหลายมณฑล เช่น กวางตุ้ง เจ้อเจียง เจียงซู และเสฉวน ล้วนได้รับความเสียหายจากอุทกภัยอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา แต่หากไม่รวมการส่งออกกระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษที่มีการเติบโตก้าวกระโดดค่อนข้างมากในเดือนนี้ ก็จะพบว่าการส่งออกของไทยไปจีนในเดือนกรกฎาคมขยายตัวประมาณร้อยละ 43.6 (YoY)
ทั้งนี้ ด้วยความต้องการนำเข้าจากจีนมักมีความผันผวนค่อนข้างมาก และมักขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาการสะสมสต็อกสินค้าของธุรกิจในจีน ตัวเลขในเดือนนี้จึงอาจไม่ใช่สัญญาณที่ยืนยันถึงความต้องการที่แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน ท่ามกลางแนวโน้มที่เศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัวลง ประกอบกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในจีนที่กำลังควงสว่านแบบพายุหมุนแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ร้อยละ 6.5 ในดือนกรกฏาคม ที่ทำให้ธนาคารกลางจีนต้องพยายามหยุดยั้งด้วยการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งแล้วในปี 2554 พร้อมทั้งปรับเพิ่มสัดส่วนทุนสำรองของธนาคารพาณิชย์ถึง 6 ครั้งในครึ่งปีแรกปี 2554 (กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ของจีนต้องกันเงินสดสำรองสูงเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 21.5) นอกจากนี้ ด้วยฐานที่ค่อนข้างสูงในช่วงเดียวกันปีก่อน ประกอบกับผลของแรงกดดันจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยูโรโซนซึ่งส่งผลต่อภาคการส่งออกของจีน ก็อาจส่งผลให้อัตราการเติบโตของการส่งออกไทยไปจีนในปี 2554 ชะลอตัวลงจากปี 2553 ที่เติบโตถึงร้อยละ 33.2 แต่ด้วยตัวเลขส่งออกไทยไปจีนที่ดีเกินความคาดหมายอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งปัจจัยด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีแรงหนุนทรงตัวในระดับสูง รวมทั้งปัจจัยความไม่แน่นอนของสภาวะอากาศและผลผลิตสินค้าเกษตรในจีน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกของไทยไปจีนในปี 2554 ขึ้นมาที่ร้อยละ 22-27 จากคาดการณ์เดิมที่ระดับไม่เกินร้อยละ 15
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น