ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนธันวาคม 2554 (รายงานโดยกระทรวงพาณิชย์) สะท้อนให้เห็นถึง ทิศทางการเริ่มฟื้นตัวขึ้นของภาคการส่งออกของไทย หลังจากที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2554 จากวิกฤตอุทกภัยครั้งรุนแรง ขณะที่ การเร่งตัวขึ้นของการนำเข้าก็อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า การกอบกู้ในภาคโรงงานอุตสาหกรรมมีความคืบหน้า ซึ่งน่าจะทำให้การฟื้นกำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมสามารถกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
โดยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน การส่งออกหดตัวลงเพียงร้อยละ 2.0 (YoY) ในเดือนธ.ค. 2554 ซึ่งดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับที่หดตัวถึงร้อยละ 12.4 (YoY) ในเดือนพ.ย. ส่วนการนำเข้านั้น พลิกกลับมาขยายตัวร้อยละ 19.1 (YoY) หลังจากที่หดตัวเล็กน้อยร้อยละ 2.4 (YoY) ในเดือนพ.ย. อนึ่ง มูลค่าการนำเข้าที่เร่งตัวขึ้นมากกว่าการส่งออก ทำให้ดุลการค้าของไทยบันทึกยอดขาดดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ระดับ 2,130 ล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนธ.ค. หลังจากที่ขาดดุล 1,373 ล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนพ.ย.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงมุมมองเดิมว่า การส่งออกของไทยน่าจะยังคงมีแนวโน้มหดตัวลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 1/2555 (โดยในกรณีพื้นฐาน คาดว่า การส่งออกของไทยตามฐานดุลการชำระเงิน อาจหดตัวลงมากกว่าร้อยละ 7.0 YoY ในช่วงไตรมาสที่ 1/2555 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานเปรียบเทียบที่สูงมากในปี 2554) เนื่องจากเป็นช่วงที่ภาคการผลิตในประเทศกำลังฟื้นตัวจากผลกระทบอุทกภัย ขณะที่ โมเมนตัมทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย อาทิ จีน ยุโรป และญี่ปุ่น ยังคงโน้มชะลอลง ท่ามกลางความเสี่ยงที่ยืดเยื้อจากประเด็นวิกฤตหนี้ยุโรป
อย่างไรก็ดี การเร่งตัวขึ้นของการนำเข้าในหมวดสินค้าทุนและวัตถุดิบในช่วงหลังจากที่ปัญหาน้ำท่วมคลี่คลายลงนั้น นับเป็นสัญญาณที่ดีที่อาจสะท้อนว่า กำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของไทยน่าที่จะทยอยฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติได้ประมาณในช่วงไตรมาสที่ 2/2555 ตามที่หลายฝ่ายคาดหวังไว้ ซึ่งย่อมจะส่งผลดีต่อเนื่องให้การส่งออกสามารถฟื้นตัวกลับมาในช่วงเวลาที่สอดคล้องกัน ขณะที่ ปัจจัยเรื่องฐานการคำนวณเปรียบเทียบที่ต่ำในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 น่าที่จะหนุนให้การส่งออกสามารถบันทึกอัตราการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 สำหรับแนวโน้มการส่งออกปี 2555 นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงมองอัตราการเติบโตของการส่งออกของไทยในปี 2555 เป็นตัวเลขหลักเดียวที่ประมาณร้อยละ 5.0 (กรณีพื้นฐาน) โดยมีกรอบประมาณการที่ร้อยละ 2.0-8.0 เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 17.2 ในปี 2554
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น