จีนเป็นตลาดส่งออกสินค้าอาหารที่น่าจับตามอง เนื่องจากโอกาสในการขยายตลาดสินค้าอาหารในจีนที่มีขนาดใหญ่ แม้ว่าในปัจจุบันจีนจะเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าอาหารอันดับ 4 ของโลก รองจากสหภาพยุโรป สหรัฐฯ และแคนาดา แต่มีแนวโน้มว่าจีนมีความต้องการนำเข้าสินค้าอาหารเพิ่มขึ้น เนื่องจากพื้นที่สำหรับทำการเกษตรของจีนมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่จำนวนประชากรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งไทยในฐานะที่เป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าอาหารที่สำคัญของโลก น่าจะมีศักยภาพในการขยายการผลิตสินค้าอาหารเพื่อตอบสนองความต้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นของจีน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไทยได้เปรียบดุลการค้าสินค้าอาหารกับจีนมาโดยตลอด โดยในปี 2554 ไทยได้ดุลการค้าสินค้าอาหารกับจีนประมาณ 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ไทยยังมีโอกาสในการขยายตลาดสินค้าอาหารในจีนได้อีกมาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าในปี 2555 มูลค่าการนำเข้าสินค้าอาหารของจีนจากไทยมีโอกาสเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 ซึ่งสินค้าอาหารกลุ่มที่ยังเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนการส่งออก ยังคงเป็นผลไม้เมืองร้อน แป้งมันสำปะหลัง และข้าว กล่าวคือ สินค้าประเภทผลไม้เมืองร้อน ยังจะได้อานิสงส์จากการขยายความเจริญไปยังดินแดนแถบตะวันตกของจีนและการพัฒนาเส้นทางการขนส่งสินค้าที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายการส่งออกผลไม้ของไทยไปยังตลาดจีน สินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ธัญพืช โดยเฉพาะแป้งมันสำปะหลังและแป้งมันสำปะหลังแปรรูป ที่จีนยังผลิตได้ไม่เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ ในขณะที่ไทยมีศักยภาพในการขยายตลาดส่งออก ส่วนสินค้าธัญพืชที่ไทยยังสามารถขยายตลาดส่งออกไปยังจีนได้คือ ข้าว โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ซึ่งยังเป็นที่ต้องการของตลาดจีน โดยเฉพาะตลาดระดับภัตตาคารขนาดใหญ่หรือโรงแรม และกลุ่มคนรายได้สูง แต่ต้องเร่งแก้ปัญหาในเรื่องการปลอมปน
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ผู้ส่งออกสินค้าอาหารของไทยต้องคำนึงถึงคือ แนวโน้มการแข่งขันในสินค้าอาหารที่เป็นสินค้าตัวหลักที่ไทยส่งออกไปจีนเริ่มเผชิญการแข่งขันที่รุนแรง จากประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวมทั้งเกษตรกรของจีนเองก็มีการพัฒนาทั้งในด้านปริมาณการผลิตและคุณภาพของผลผลิต ดังนั้น หากผู้ส่งออกสินค้าอาหารของไทยต้องการจะรักษาตลาดจีนเอาไว้และเจาะขยายตลาดเพิ่มเติมจะต้องพยายามชี้ให้ผู้บริโภคหรือโรงงานที่ผลิตสินค้าในจีนเห็นข้อแตกต่างระหว่างสินค้าอาหารจากไทยและคู่แข่ง
สำหรับสินค้าอาหารส่งออกของไทยที่มีศักยภาพในการขยายตลาดในจีนเพื่อตอบสนองความต้องการอาหารของจีนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากการขยายตัวของประชากร ในขณะที่พื้นที่ทำการเกษตรมีแนวโน้มลดลง รวมทั้งพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากระดับรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นและสัดส่วนประชากรเมืองที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น สินค้าอาหารที่น่าจับตามอง คือ อาหารปรุงแต่ง(ปลากระป๋อง น้ำตาล ผลไม้กระป๋อง) ผลิตภัณฑ์กุ้ง(โดยเฉพาะกุ้งแปรรูป) เครื่องปรุงรสอาหาร และผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน ซึ่งไทยมีศักยภาพในการขยายการผลิตเพื่อการส่งออกไปยังตลาดจีน และสินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกสินค้าอาหารที่มีโอกาสประสบความสำเร็จในการเจาะขยายตลาดอาหารในจีน คงต้องมีการเตรียมความพร้อมในการศึกษาวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคในจีนที่แตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น รวมทั้งการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจและหาช่องทางในการจัดจำหน่ายเพื่อการกระจายสินค้าอาหารให้ถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างทั่วถึงด้วย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น